อีเธอเรียม(ETH) เสี่ยงหลุดแนวรับ 3,300 ดอลลาร์ ขาลงยังครอบงำตลาด

อีเธอเรียม(ETH) กำลังกลับมาทดสอบ ‘ระดับแนวรับสำคัญ’ อีกครั้ง หลังไม่สามารถยืนราคาเหนือแนวต้านหลักที่ 3,600 ดอลลาร์ (ราว 483,000 บาท) ได้ ส่งผลให้แรงขายกลับมารุนแรงขึ้น นักวิเคราะห์ระบุว่าการดีดตัวล่าสุดอาจเป็นเพียงการปรับฐานระยะสั้นมากกว่าจะกลายเป็นขาขึ้นอย่างสมบูรณ์

ตามการวิเคราะห์ทางเทคนิค อีเธอเรียมยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบขาลงของกราฟรายวัน โดยราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่ใกล้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ที่ระดับประมาณ 3,300 ดอลลาร์ (ราว 443,000 บาท) ซึ่งกลายเป็นพื้นที่ต่อสู้กันระหว่างฝั่งซื้อและฝั่งขาย หากหลุดต่ำกว่าระดับนี้ มีแนวโน้มจะไหลลงไปที่ช่วง 3,000–3,100 ดอลลาร์ (ประมาณ 402,000–416,000 บาท) ซึ่งเคยเป็นเขตที่มีแรงซื้อแข็งแกร่งในอดีต

แต่หากสามารถฝ่าแนวต้าน 3,600 ดอลลาร์ กลับขึ้นไปได้ ก็อาจจะยืนยันแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง และเปิดทางสู่เป้าหมายที่ระดับ 3,900–4,000 ดอลลาร์ (ราว 524,000–537,000 บาท)

ในกราฟระยะสั้นแบบ 4 ชั่วโมง พบว่าช่องสัญญาณขาขึ้นในอดีตได้ถูกทำลายไปแล้ว ทำให้ภาพรวมเริ่มโน้มเอียงไปในทางลบ พื้นที่ที่เคยเป็นแนวรับที่ 3,450–3,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 464,000–470,000 บาท) ได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นแนวต้าน ซึ่งตราบใดที่ราคาอีเธอเรียมยังอยู่ใต้ระดับนี้ ก็สะท้อนถึงแรงกดดันขาลงที่ยังไม่หายไป

ขณะเดียวกัน ดัชนี RSI ซึ่งเป็นตัวชี้วัดแรงซื้อแรงขาย ก็ตกลงมาต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนการอ่อนตัวของโมเมนตัม กรณีที่ราคาย่อตัวต่อ มีโอกาสดีดกลับที่ช่วง 3,200–3,300 ดอลลาร์ (ราว 429,000–443,000 บาท) ซึ่งตรงกับแนวกลางของกราฟรายวัน แต่หากแนวรับนี้รับไม่อยู่ ก็อาจกลับไปทดสอบระดับต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์อีกครั้ง

ในแง่ ‘จิตวิทยาการเทรด’ จากข้อมูลคำสั่งซื้อขายที่รอดำเนินการอยู่ พบว่าเหนือระดับ 3,800–3,900 ดอลลาร์ มีคำสั่งขายชอร์ตสะสมอยู่จำนวนมาก ขณะที่ต่ำกว่าระดับ 3,000–3,200 ดอลลาร์ มีคำสั่งซื้อสะสมไว้เป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเร่งการเคลื่อนไหวของราคา หากตลาดเคลื่อนผ่านจุดใดจุดหนึ่งและเกิดการ ‘ล้างพอร์ต’ ขึ้น

สรุปแล้ว ทิศทางของอีเธอเรียมในระยะสั้นยังไม่ชัดเจน การกลับมายืนเหนือ 3,600 ดอลลาร์ได้อีกครั้งจะเป็นตัวแบ่งทิศทางสำคัญของตลาด ความ *ระมัดระวัง* จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักลงทุนในภาวะนี้ ความคิดเห็น: นักลงทุนควรรอการยืนยันแนวโน้มก่อนเปิดสถานะใหม่เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนในระยะนี้.