วาฬอีเธอเรียม(ETH) ถอน 413,000 เหรียญจากไบแนนซ์ หนุนสัญญาณขาขึ้น

นักลงทุนรายใหญ่ของอีเธอเรียม(ETH) ได้ทำการถอนเหรียญออกจากไบแนนซ์เป็นจำนวนมากถึงราว 413,000 ETH ภายในวันเดียว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 19,250 พันล้านวอนตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นการถอนสูงสุดในวันเดียว นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

จากข้อมูลของนักวิเคราะห์ออนเชนผู้ใช้ชื่อว่า คริปโตออนเชน(CryptoOnchain) ระบุว่า ในจำนวนนี้มีการย้ายเหรียญจริงออกจากระบบสุทธิโดยรวมประมาณ 106,000 ETH ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมของนักลงทุนที่มีแนวโน้ม ‘ถือครองระยะยาว’ แทนที่จะขายออกในระยะสั้น สอดคล้องกับความคาดหวังว่าราคาจะปรับขึ้น

การถอนเงินจำนวนมากจากแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์อย่างไบแนนซ์ มักถูกมองว่าเป็น ‘สัญญาณขาขึ้น’ เนื่องจากเหรียญที่ถูกนำออกไปยังวอลเล็ตส่วนตัวจะช่วยลดจำนวนเหรียญในตลาด และหากความต้องการยังมีอยู่หรือเพิ่มขึ้น ก็อาจผลักดันราคาให้ปรับสูงขึ้นได้

ข้อมูลจากคริปโตออนเชนเผยว่า แม้จะมีการฝากเข้าไบแนนซ์จากธุรกรรมสูงสุด 10 รายการรวมกว่า 307,000 ETH แต่ก็ยังน้อยกว่าปริมาณที่ถูกถอนออกถึง 413,000 ETH ซึ่งแสดงให้เห็นถึง ‘ความมั่นใจสูง’ ของวาฬ ETH ที่อาจส่งผลต่อ ‘ภาวะขาดแคลนอุปทาน’

แนวโน้มการสะสมในระดับนี้มีให้เห็นอย่างชัดเจนตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี โดยเฉพาะกระเป๋าเงินที่ถือครองระหว่าง 10,000–100,000 ETH มีการสะสมเพิ่มมากขึ้นกว่า 7.6 ล้านเหรียญ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 52% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ในขณะที่เหรียญที่ฝากไว้ในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนกลับลดลงสู่ ‘ระดับต่ำที่สุด’ นับตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งแปลว่าความเสี่ยงต่อแรงขายขนาดใหญ่ก็ลดน้อยลง

ราคาของอีเธอเรียมขณะนี้อยู่ระหว่างการฟื้นตัว โดยเคยแตะระดับต่ำสุดใกล้ 3,000 ดอลลาร์ และล่าสุดดีดขึ้นมาใกล้ระดับ 3,400 ดอลลาร์ หากเปรียบเทียบกับจุดสูงสุดที่เคยทำไว้ช่วงเดือนสิงหาคมที่ 4,950 ดอลลาร์ ยังมี ‘ช่องว่างของการฟื้นตัว’ ค่อนข้างมาก

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบางประการที่อาจสร้างความกังวลได้เช่นกัน ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์อย่างคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ชี้ให้เห็นว่า ปริมาณการซื้อขาย ETH ในไบแนนซ์ล่าสุดพุ่งทะลุ 6 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน ตลาดอนุพันธ์มีปริมาณสัญญาเปิดค้างอยู่ในระดับ ‘สูงสุดตลอดกาล’ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้อาจสะท้อนถึง ‘แรงเก็งกำไร’ และความผันผวนที่เพิ่มขึ้น

ในมุมมองทางเทคนิค ราคาของอีเธอเรียมกำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่ประมาณ 3,700 ดอลลาร์ หากสามารถทะลุผ่านได้อย่างมั่นคง มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวสู่ระดับ 4,000 ดอลลาร์ แต่หากไม่สามารถผ่านแนวต้านนี้ได้ อาจกลับไปทดสอบแนวรับด้านล่างอีกครั้ง

‘ความคิดเห็น’ จากบางกลุ่มนักลงทุน ระบุว่า สถานการณ์ปัจจุบันคล้ายคลึงกับช่วงก่อนเข้าสู่ ‘ตลาดกระทิง’ ปี 2020 ซึ่งทำให้มีกระแสคาดหวังแรงซื้อรอบใหม่เกิดขึ้น นอกจากนี้ การอัปเกรดเครือข่ายในชื่อ ‘ฟูซากะ(Fusaka)’ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 ธันวาคม ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สนับสนุน ‘บรรยากาศเชิงบวก’ ด้วยเป้าหมายการเพิ่มประสิทธิภาพและการลดต้นทุนก๊าซ

โดยรวมแล้ว การเดินเกมของวาฬอีเธอเรียมขณะนี้ ถือเป็น ‘สัญญาณการสะสม’ ตามกลยุทธ์ซื้อช่วงราคาต่ำ ซึ่งอาจส่งผลต่อตลาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ขึ้นอยู่กับทิศทางความต้องการในตลาดในช่วงต่อไป