การซื้อขายแบบแคร์รี่เทรดด้วยเงินเยนของญี่ปุ่นเริ่มมีสัญญาณของการสะดุด ขณะเดียวกันกลุ่มผู้สนับสนุนริปเปิล(XRP)บางกลุ่มเริ่มจับตามอง XRP ว่าอาจกลายเป็น ‘ทางเลือกใหม่’ สำหรับการจัดหาสภาพคล่องระดับโลกภายใต้การเปลี่ยนแปลงทางนโยบายการเงินของญี่ปุ่นและการปรับโครงสร้างการลงทุนทั่วโลก
เมื่อเร็วๆ นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 20 ปีพุ่งขึ้นแตะ 2.751% ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนหันกลับมาให้ความสนใจกับสินทรัพย์ญี่ปุ่นอีกครั้ง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ)ที่เริ่มใช้นโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้การซื้อขายแบบแคร์รี่เทรด ซึ่งมักกู้เงินเยนต้นทุนต่ำเพื่อนำไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น หุ้นสหรัฐหรือสินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ เริ่มถูกเร่งชำระบัญชี ซึ่งในอดีตก็เคยมีกรณีที่การชำระแคร์รี่เทรดทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนอย่างรุนแรง
ภายใต้โครงสร้างของแคร์รี่เทรด นักลงทุนมักขอกู้เงินเยนโดยเสียดอกเบี้ยน้อย แล้วนำไปซื้อสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2024 BOJ เริ่มปรับดอกเบี้ยเข้าสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ต้นทุนการกู้เงินสูงขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐเริ่มวงจรลดดอกเบี้ย ทำให้ความสามารถในการทำกำไรของแคร์รี่เทรดลดลงอย่างมาก นักวิเคราะห์บางส่วนเตือนว่าหากแนวโน้มการชำระแคร์รี่เทรดยังดำเนินต่อเนื่อง อาจนำไปสู่ ‘วิกฤตสภาพคล่อง’ ในหลายภูมิภาคทั่วโลก
ท่ามกลางความไม่แน่นอนดังกล่าว ชุมชนของผู้สนับสนุน XRP เริ่มเสนอให้ XRP เป็น ‘ตัวเลือกระดับโลก’ สำหรับการจัดการกับวิกฤตสภาพคล่อง โดยเน้นจุดแข็งทางเทคโนโลยีของบริษัทริปเปิล(Ripple) ที่พัฒนา XRP สำหรับใช้ในการชำระเงินระหว่างประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องมีการวางเงินล่วงหน้าเหมือนระบบธนาคารแบบเดิม ข้อดีนี้ช่วยให้ XRP สามารถโอนทุนอย่างรวดเร็วในสถานการณ์ฉุกเฉินได้
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างริปเปิลและเอสบีไอโฮลดิ้งส์(SBI) ของญี่ปุ่นก็ยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับบทบาทของ XRP อีกด้วย มีการตั้งสมมติฐานว่าหากเกิดปัญหาสภาพคล่องในญี่ปุ่น สถาบันทางการเงินในประเทศอาจใช้ XRP เพื่อเข้าถึงเงินดอลลาร์ได้ทันที ซึ่งอาจช่วยลดแรงกระแทกต่อระบบการเงินโลก
อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงโต้แย้งว่าแนวคิดนี้อาจ ‘มองโลกในแง่ดีเกินไป’ เนื่องจากการที่ XRP จะมีบทบาทสำคัญระดับโลกจำเป็นต้องได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและต้องมีการนำไปใช้จริงในระบบสถาบัน ซึ่งในขณะนี้แม้จะมี ‘ศักยภาพทางเทคโนโลยี’ แต่ความต้องการทั่วโลกที่จะใช้งานยังไม่ชัดเจน
เมื่อญี่ปุ่นเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินที่อาจส่งต่อ ‘ผลกระทบลูกโซ่’ ต่อระบบการเงินโลก คำถามสำคัญตกอยู่ที่ว่า XRP จะสามารถผลักดันตัวเองให้กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในตลาดสภาพคล่องโลกได้จริงหรือไม่ ความสำเร็จของ XRP จึงต้องอาศัยทั้ง ‘นวัตกรรมทางเทคโนโลยี’ และ ‘การยอมรับเชิงสถาบัน’ ที่แข็งแรงควบคู่กันไป ความแตกต่างระหว่างความคาดหวังและความเป็นจริงจึงยังต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0