เฮเดรา(Hedera) ฟื้นตัวแรงใน Q3/2025 มูลค่าโทเคน HBAR พุ่ง 43.3% รับดีมานด์ DeFi-ภาครัฐหนุน

เฮเดรา(Hedera) แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่ชัดเจนในไตรมาส 3 ของปี 2025 หลังจากผลงานที่ซบเซาในครึ่งปีแรก โดยจากรายงานล่าสุดของ เมซซารี่ รีเสิร์ช(Messari Research) ระบุว่า มูลค่าตลาดของโทเคนเอชบาร์(HBAR) เพิ่มขึ้นถึง *43.3%* จากไตรมาสก่อนหน้า แตะ 9.1 พันล้านดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากราคาที่เพิ่มขึ้น ขณะที่จำนวนโทเคนที่อยู่ในการหมุนเวียนยังคงทรงตัวอยู่ที่ 42.4 พันล้านโทเคน

ค่าธรรมเนียมบนเครือข่ายมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยคิดเป็น 928,597 HBAR เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อดูเป็นรายได้เทียบค่าเงินดอลลาร์ พบว่าเพิ่มขึ้น *39.2%* แตะ 216,088 ดอลลาร์ กลุ่มสมาร์ตคอนแทรกต์ยังคงโดดเด่น พร้อมสร้างรายได้ถึง 476,341 HBAR เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.8% ขณะเดียวกัน รายได้จากบริการยืนยันธุรกรรมและจากส่วนงานอื่นลดลง แต่รายได้จากบริการโทเคนและคริปโตกลับเติบโต *9.8%* และ *33.3%* ตามลำดับ ชดเชยกันได้อย่างลงตัว

บนฝั่งผู้ใช้งาน เครือข่ายมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แม้ปริมาณธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันจะลดลงเล็กน้อย *0.9%* เหลือ 575,496 รายการ แต่จำนวนบัญชีผู้ใช้งานที่เปิดใช้งานต่อวันกลับเพิ่มขึ้น *15.8%* และบัญชีใหม่ก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งถึง *178.0%* โดยเฉพาะบัญชีสมาร์ตคอนแทรกต์ที่ใช้งานต่อวัน โตถึง *143.1%* แตะ 1,485 บัญชี ปริมาณ HBAR ที่ถูกสเตกทั้งหมดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 15.9 พันล้าน HBAR ในจำนวนนี้ การสเตกแบบไม่มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้น *10.6%* หรือคิดเป็น 10.4 พันล้าน HBAR ซึ่งครอบคลุม *37.5%* ของโทเคนทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่

ด้านระบบการเงินไร้ศูนย์กลาง (DeFi) มีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน โดยมูลค่าเงินฝากรวม (TVL) พุ่งขึ้นกว่า *53.4%* แตะ 113.5 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายบน DEX เพิ่มขึ้นเกือบ *90.0%* คิดเป็นเฉลี่ย 10.7 ล้านดอลลาร์ต่อวัน เมซซารี่ ระบุว่านี่เป็น ‘สัญญาณของความเชื่อมั่น’ ที่กลับคืนสู่ตลาดคริปโตแบบออนเชน โซเซอร์สวอป(SaucerSwap) ยังคงเป็นผู้เล่นหลัก โดยครองสัดส่วนสภาพคล่องถึงสองในสาม ส่วน Bonzo Finance, HBAR Suite และแฮชพอร์ต(Hashport) ก็แสดงแนวโน้มการเติบโตที่แตกต่างกัน

มูลค่าตลาดของสเตเบิลคอยน์ในระบบของเฮเดราเพิ่มขึ้น *1.4%* เป็น 115 ล้านดอลลาร์ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ USDC ไหลเข้ามามากขึ้นหลังจากรวมอินทิเกรชันกับโปรโตคอล CCTP ของเซอร์เคิล(Circle) ประเด็นที่น่าจับตาคือ รัฐไวโอมิงของสหรัฐฯ ได้แต่งตั้งเฮเดราเป็นบล็อกเชนทางเลือกของรัฐสำหรับสเตเบิลคอยน์ FRNT(Frontier Token) โดยเป็นตัวเลือกเดียวที่ได้รับการพิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นการขยับเข้าใกล้การใช้งานจริงในภาครัฐ

ในด้านเทคโนโลยี มีการอัปเกรดเมนเน็ต 3 ครั้งในช่วงไตรมาสนี้ เน้นเรื่องการปรับปรุงสมรรถนะสมาร์ตคอนแทรกต์ การจัดการสถานะที่มีประสิทธิภาพ และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการปรับปรุงฟีเจอร์ gRPC-Web และการสตรีมข้อมูล ส่งผลต่อประสบการณ์ของนักพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกันนี้มีการเตรียมเทคโนโลยีใหม่ เช่น โครงสร้างสมาร์ตกริด และฟีเจอร์บันทึกธุรกรรมแบบรวม

การขยายตัวของระบบนิเวศเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว แอปเทรดมือถือ SALT จากเกาหลีใต้ เปิดตัวเพื่อสนับสนุนโปรเจกต์แนว DeFi และ MemeFi บนเฮเดรา ขณะที่โปรเจกต์ HTE ได้เริ่มให้รางวัลแบบออนเชนในกิจกรรมเว็บ 2 อย่างเกมหรือชอปปิง อินฟราสตรักเจอร์ในฝั่งสถาบันก็เร่งพัฒนา โดย KAIO ผนวกตัวกับกองทุนระดับยักษ์อย่าง BlackRock และ Brevan Howard เพื่อเปิดกองทุนแบบออนเชน ขณะที่ Swarm เปิดตัวหุ้นแบบโทเคนเพื่อการมีส่วนร่วมใน DeFi แบบเรียลไทม์

ในมุมของโครงสร้างพื้นฐาน Dfns และ Hashport มีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกด้านกระเป๋าเงิน และระบบออนบอร์ดผู้ใช้งานใหม่ โดยมีการนำเสนอ HBAR Faucet และ HashPass ที่ช่วยลดอุปสรรคให้กับทั้งนักพัฒนาและผู้ใช้รายใหม่ พร้อมทั้งให้บริการรับ HBAR เริ่มต้นและระบบยืนยันตัวตนจากกิจกรรมวอลเล็ต

ในภาพรวม ไตรมาสนี้เฮเดรามี ‘การเติบโตอย่างสมดุล’ ทั้งในเชิงเทคโนโลยี ผู้ใช้งาน และระบบนิเวศ จากมุมมองของเมซซารี่ ความฟื้นตัวนี้ตอกย้ำว่าเฮเดรากำลังผสาน *ความเป็นบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์, ประสิทธิภาพ*, และ *การใช้งานจริง* เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งจะเปิดทางสู่บทบาทสำคัญในด้านภาครัฐ และการเชื่อมโยงระหว่าง Web2 และ Web3 ในอนาคต