ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ตลาดอนุพันธ์แบบกระจายศูนย์กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น และไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid) ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นรายใหม่ที่น่าจับตามอง แพลตฟอร์มนี้เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2024 และล่าสุดสามารถสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมได้สูงกว่าโซลานา(SOL) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ไฮเปอร์ลิควิดดำเนินการบนบล็อกเชนเลเยอร์ 1 ของตัวเอง เพื่อมอบประสบการณ์การเทรดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับผู้ใช้
ไฮเปอร์ลิควิดเป็นตลาดซื้อขายฟิวเจอร์สแบบไม่มีกำหนดอายุ (Perpetual Futures) ที่รองรับสินทรัพย์หลากหลาย เช่น บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) และโซลานา โดยมอบเลเวอเรจสูงสุดถึง 50 เท่า สิ่งที่โดดเด่นคือแพลตฟอร์มนี้ใช้ ‘ออเดอร์บุ๊กแบบออนเชน’ และโครงสร้างการซื้อขายที่ไม่มีค่าธรรมเนียมแก๊ส (Gas-Free) ซึ่งช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้อย่างมาก แม้ว่าโซลานาจะเป็นบล็อกเชนที่รองรับแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp) อย่างกว้างขวาง แต่ไฮเปอร์ลิควิดกลับมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดแบบดีไฟ(DeFi) เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ความเติบโตอย่างรวดเร็วของไฮเปอร์ลิควิดก็ก่อให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นศูนย์กลางของแพลตฟอร์ม ในเดือนพฤศจิกายน 2024 ไฮเปอร์ลิควิดได้แจกจ่ายโทเคน HYPE ผ่านแอร์ดรอป ซึ่งในวันแรกมีการทำธุรกรรมจากที่อยู่มากกว่า 94,000 รายการ ส่งผลให้มูลค่าตลาดของโทเคนพุ่งสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 72,000 ล้านบาท) สะท้อนถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากชุมชน อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์บางส่วนเตือนว่ามากกว่า 78% ของโทเคนในเครือข่ายอยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มบุคคลเพียงไม่กี่ราย ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านการรวมศูนย์
จากข้อมูลของ DeFiLlama ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ไฮเปอร์ลิควิดสามารถสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมสูงถึง 12.6 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 450 ล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งอย่างโซลานา (11.8 ล้านดอลลาร์), ทรอน(TRX) (10.2 ล้านดอลลาร์) และเรเดียม(Raydium) (9.8 ล้านดอลลาร์) เป็นที่น่าสังเกตว่าโซลานาเพิ่งทำสถิติรายได้ 12 ล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์ได้เมื่อเดือนมีนาคม 2024 ขณะที่เรเดียมใช้เวลากว่า 18 เดือนกว่าจะถึงระดับดังกล่าว
แม้ว่ามูลค่ารวมที่ถูกล็อกไว้ (TVL) ของไฮเปอร์ลิควิดจะอยู่ที่ 638 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 22,900 ล้านบาท) ซึ่งยังห่างจากเรเดียมที่ 1.25 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 44,900 ล้านบาท) และยูนิสวอป(UNI) ที่ 4.22 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 151,700 ล้านบาท) แต่ในแง่ของอัตราการทำกำไร ไฮเปอร์ลิควิดกลับเหนือกว่าคู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ โดยยูนิสวอปสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 22.8 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน แต่มีประสิทธิภาพด้านผลตอบแทนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ TVL
อีกหนึ่งกลยุทธ์ของไฮเปอร์ลิควิดคือการนำค่าธรรมเนียมทั้งหมดไปใช้ซื้อคืน (Buyback) และเป็นแรงจูงใจด้านสภาพคล่อง (Liquidity Incentives) ซึ่งแตกต่างจากโซลานาที่กระจายค่าธรรมเนียมไปยัง DApp หลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ DEX ชื่อดังในระบบนิเวศของโซลานา อย่างจูปีเตอร์(Jupiter) และเรเดียม ต่างมีรายได้ต่อสัปดาห์สูงกว่า 10 ล้านดอลลาร์ อาจทำให้การเปรียบเทียบโดยตรงเป็นเรื่องที่ซับซ้อน
ในปัจจุบัน ไฮเปอร์ลิควิดมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 6.7 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 241,000 ล้านบาท) ซึ่งแซงหน้ายูนิสวอป (4.7 พันล้านดอลลาร์) และจูปีเตอร์ (1.8 พันล้านดอลลาร์) อย่างไรก็ตาม ในเดือนธันวาคม 2025 จะมีการปลดล็อกโทเคน ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อราคาตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 ที่ทีมพัฒนาหลักของโครงการจะได้รับการจัดสรรโทเคน HYPE จำนวน 47 ล้านเหรียญ ซึ่งมีมูลค่าราว 940 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 33,900 ล้านบาท)
แม้ว่าโซลานาจะยังคงครองตลาด DEX ได้อย่างแข็งแกร่ง แต่การแข่งขันจากโปรเจกต์ดีไฟเลเยอร์ 1 รุ่นใหม่ เช่น เบร่าเชน(Berachain) ที่เพิ่งสามารถระดมทุนได้กว่า 3.2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 115,200 ล้านบาท) อาจกดดันส่วนแบ่งการตลาดของโซลานาลงได้
ในอนาคต ไฮเปอร์ลิควิดจะต้องเผชิญกับการแข่งกับ BERPS ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มฟิวเจอร์สแบบไม่มีกำหนดอายุของเบร่าเชน แม้ว่า BERPS จะมีปริมาณการซื้อขายรายวันเพียง 3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 108 ล้านบาท) แต่จำนวนสัญญาที่เปิดอยู่ (Open Interest) ในตลาดก็เพิ่มขึ้นเป็น 185 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,660 ล้านบาท) ซึ่งกำลังแสดงสัญญาณการเติบโตที่รวดเร็ว
โดยรวมแล้ว ไฮเปอร์ลิควิดยังคงรักษาสถานะของตนในตลาด DEX ด้วยปริมาณการซื้อขายรายวันถึง 9 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 324,000 ล้านบาท) ซึ่งช่วยให้แพลตฟอร์มนี้สามารถรักษาสภาพคล่องได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยโครงสร้างค่าธรรมเนียมและกลไกการซื้อคืน นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าคู่แข่งจะพบกับความยากลำบากในการดึงสภาพคล่องออกไปจากไฮเปอร์ลิควิด ทั้งนี้ยังต้องจับตาว่า HYPE จะสามารถรักษาโมเมนตัมของมันต่อไปได้อีกนานแค่ไหน
ความคิดเห็น 0