ตลาดคริปโตสาย AI ทรุด 75% ในปี 2025 มูลค่าหายกว่า 530 พันล้านดอลลาร์ หลังฟองสบู่แตก

ตลาดคริปโตสาย AI ปรับฐานหนักในปี 2025 หลังความร้อนแรงของโปรเจกต์ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เริ่มลดลง ส่งผลให้ *มูลค่าตลาดรวมของโทเคน AI หายไปถึง 75%* ภายในหนึ่งปี คิดเป็นมูลค่าราว 530 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 76.4 ล้านล้านวอน ตามรายงานจากเว็บไซต์วิเคราะห์ตลาดคริปโต ‘CryptoPresales.com’ เมื่อวันที่ 25 (เวลาท้องถิ่น)

ข้อมูลระบุว่าเฉพาะในเดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียว ตลาดสูญเสียมูลค่าถึง 100 พันล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของแนวโน้มขาลงในตลาดโทเคนสาย AI และบิ๊กดาต้า ที่เคยได้รับความนิยมอย่างสูงในปี 2023 ถึง 2024 จากกระแสของเทคโนโลยีแมชชีนเลิร์นนิงและแพลตฟอร์มคอมพิวติ้งแบบกระจายศูนย์

ถึงแม้ในช่วงต้นปี 2024 มูลค่าตลาดรวมจะพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 449 พันล้านดอลลาร์ แต่หลังจากนั้น ตลาดเริ่มถูกกดดันจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างการควบคุมการส่งออกชิป AI จากสหรัฐฯ ไปยังจีน และการขายทำกำไรของนักลงทุน ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงมากกว่า 50% ภายในเวลาไม่กี่เดือน

ครึ่งปีหลัง ภาพรวมตลาดมีสัญญาณฟื้นตัวอีกครั้ง มูลค่าตลาดกลับขึ้นมาอยู่ที่ 555 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 157% ก่อนที่จะกลับเข้าสู่ทิศทางขาลงอีกครั้งในต้นปี 2025 โดย *นักลงทุนเริ่มเทขายเหรียญขนาดเล็กที่มีความเสี่ยง* ท่ามกลางภาวะสภาพคล่องต่ำ และตลาดที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่

ข้อมูลจาก CoinMarketCap ณ เดือนเมษายน 2025 ระบุว่า หมวด AI และ Big Data มีมูลค่ารวมเพียง 168 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 63% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และในไตรมาสสุดท้าย มูลค่าตลาดหายไปราว 140 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมที่มูลค่าหายไปรวมกันถึง 100 พันล้านดอลลาร์

เหรียญขนาดใหญ่ก็ไม่รอดจากแรงขาย *8 จาก 10 โปรเจกต์ชั้นนำประสบกับการลดลงมากกว่า 70%* ‘Artificial Superintelligence Alliance’ ร่วงไป 84% ในขณะที่เรนเดอร์(Render) และเดอะแกรฟ(The Graph) ต่างก็ตกลงไป 82% ส่วน ‘Virtuals Protocol’ ที่เคยพุ่งขึ้นมากกว่า 3,500% ในปี 2024 ก็สูญเสียเกือบหมด โดยร่วงลงมา 73% ภายในเวลาไม่ถึงปี

ผู้เชี่ยวชาญบางรายอย่าง สตีเวน (@meta_hess) แสดง *ความคิดเห็น* ไว้อย่างน่าสนใจว่า “ตลาดแห่กันเข้ามาเก็งกำไรในเทคโนโลยีปลอม ๆ จนเมื่อเทคโนโลยีของจริงเริ่มจับต้องได้ ฟองสบู่ก็แตกทันที” สะท้อนปัญหาความไม่สมดุลระหว่างการตลาดกับความก้าวหน้าทางเทคนิค

นอกจากนี้ หลายโปรเจกต์ดังกล่าวยังพึ่งพาการทำ *การตลาด* มากกว่าการสร้างยูทิลิตี้ เช่น ระบบคอมพิวติ้งแบบกระจาย, เอเจนต์อัตโนมัติบนเชน, และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ทำให้นักลงทุนเริ่มเหนื่อยล้าและขาดความเชื่อมั่นในตลาดนี้

ตลาดเข้าสู่ช่วง ‘คัดกรอง’ โปรเจกต์อย่างจริงจัง โดยมีแนวโน้มว่าโปรเจกต์ที่จะรอดได้ต้องเป็นโทเคนที่มี *เทคโนโลยีจริงและแอปพลิเคชันที่ใช้งานได้จริง* การฟื้นตัวของตลาดขึ้นอยู่กับการผสานที่มีประสิทธิภาพระหว่าง AI กับบล็อกเชน ซึ่งจะทำให้ตลาดคริปโตสาย AI กลับมาเติบโตอย่างยั่งยืนอีกครั้ง คำถามสำคัญคือ *ใครจะเหลืออยู่* หลังฟองสบู่แตกในครั้งนี้