รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งคลังสำรองบิตคอยน์ กระตุ้นการยอมรับคริปโตทั่วโลก

แมตต์ ฮูแกน(Matt Hougan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน(CIO) ของบิตไวส์(BITW) เชื่อว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าสะสม ‘บิตคอยน์(BTC)’ ในระดับยุทธศาสตร์ อาจช่วยลดโอกาสที่คริปโตจะถูกแบน และกระตุ้นให้นานาประเทศยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น

หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ลงนามในคำสั่งบริหารเกี่ยวกับการตั้ง ‘คลังสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์(Strategic Bitcoin Reserve)’ และ ‘คลังสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ(U.S. Digital Asset Stockpile)’ แมตต์ ฮูแกน เน้นย้ำว่า นโยบายนี้อาจส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมคริปโตโดยรวม

เดวิด แซคส์ หัวหน้านโยบายด้าน AI และคริปโตของทำเนียบขาว ได้ประกาศข่าวนี้อย่างเป็นทางการผ่าน X (เดิมคือทวิตเตอร์) ขณะที่ ฮูแกน มองว่า มาตรการดังกล่าวสามารถเสริมสร้างสถานะทางกฎหมายของบิตคอยน์ และลดความเสี่ยงที่อาจถูกสั่งห้ามในระดับรัฐบาล นอกจากนี้ ยังอาจกระตุ้นให้ประเทศอื่นเริ่มสะสมบิตคอยน์ เพื่อรักษาความได้เปรียบในเวทีเศรษฐกิจโลก

การถือครองบิตคอยน์ในระดับยุทธศาสตร์ อาจเปลี่ยนแปลงมุมมองของสถาบันการเงินและหน่วยงานกำกับดูแลต่างประเทศที่มีต่อคริปโต โดยฮูแกน คาดการณ์ว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) และที่ปรึกษาการเงินระดับชาติต่างๆ อาจประเมินบิตคอยน์ใหม่ และอาจเลิกมองว่า เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง

ไมเคิล เซย์เลอร์ ผู้ก่อตั้งไมโครสเตรทิจี(MSTR) เป็นอีกหนึ่งเสียงสนับสนุนแนวคิดที่ว่า สหรัฐฯ ควรสะสมบิตคอยน์เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยมองว่า สินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้เป็นเพียงตัวเก็บมูลค่า แต่ยังช่วยให้สหรัฐฯ ควบคุมแนวโน้มเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก

คำสั่งบริหารของทรัมป์ ระบุว่า ทุนที่ใช้สำหรับสะสมคริปโตเหล่านี้ จะไม่ได้มาจากภาษีประชาชน และยังไม่มีแผนซื้อคริปโตเพิ่มเติมในอนาคต บิตคอยน์ที่รัฐบาลถือครองนั้น ส่วนใหญ่มาจากการบังคับใช้กฎหมายและการยึดทรัพย์ในคดีอาญา ส่งผลให้สินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ อย่าง อีเธอเรียม(ETH), ริปเปิล(XRP), โซลานา(SOL) และคาร์ดาโน(ADA) ไม่ถูกรวมอยู่ในแผนนี้

อย่างไรก็ตาม หลังจากข่าวเผยแพร่ออกไป ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง มูลค่าตลาดรวมของคริปโตเคอเรนซีลดลงต่ำกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ บิตคอยน์ร่วงลง 4.7% สู่ระดับ 88,000 ดอลลาร์ ขณะที่ ETH ลดลง 5.8% อยู่ที่ 2,169 ดอลลาร์ ส่วน SOL, XRP และ ADA ดิ่งลง 5%, 1.5% และ 10% ตามลำดับ

ในแวดวงอุตสาหกรรม หลายฝ่ายคาดหวังว่า การสะสมบิตคอยน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ อาจเป็นปัจจัยเร่งให้การยอมรับคริปโตทั่วโลกเร็วขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มีการจับตาดูแนวทางปฏิบัติและรายละเอียดที่ชัดเจนของนโยบายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด