ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อให้สหรัฐฯ เริ่มสะสมบิตคอยน์(BTC) เป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ นี่ถือเป็นก้าวแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาบิตคอยน์อย่างเป็นทางการในฐานะสินทรัพย์สำรอง และกำลังหาวิธีการสะสม BTC โดยไม่มีภาระภาษี
ตามคำสั่งบริหาร กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะศึกษาแนวทางการเข้าซื้อบิตคอยน์ หนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับการพิจารณาคือการใช้ทุนสำรองทองคำของประเทศ โดยรัฐบาลอาจแลกเปลี่ยนทองคำบางส่วนเป็นบิตคอยน์เพื่อทดสอบศักยภาพของ BTC ในฐานะสินทรัพย์เก็บมูลค่า อย่างไรก็ตาม นักลงทุนทองคำแบบดั้งเดิมอาจคัดค้านแนวทางดังกล่าว
อีกแนวทางหนึ่งที่กำลังถูกพูดถึงคือ การให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู่ธุรกิจขุดบิตคอยน์โดยตรง คล้ายกับกรณีของภูฏานที่ดำเนินการขุดในระดับประเทศมาตั้งแต่ปี 2019 การใช้พลังงานส่วนเกินและทรัพยากรการประมวลผลอาจเป็นทางเลือก แต่ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมอาจกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อแผนดังกล่าว
นอกจากนี้ การออก ‘พันธบัตรที่มีบิตคอยน์เป็นหลักประกัน’ ก็เป็นแนวทางที่ถูกกล่าวถึง โดยแนวทางนี้มีความคล้ายคลึงกับกลยุทธ์ของไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) แห่งไมโครสแตรทิจี ซึ่งเคยออกหนี้เพื่อเพิ่มการถือครอง BTC ทั้งนี้ เซย์เลอร์ได้รับเชิญให้เข้าร่วมประชุมสุดยอดคริปโตเคอร์เรนซีที่ทำเนียบขาว และอาจมีบทบาทสำคัญในแผนของรัฐบาล
ปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐฯ ถือครองบิตคอยน์จำนวน 207,189 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 18.48 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 26.94 ล้านล้านวอน ในอดีตรัฐบาลสหรัฐฯ เคยขาย BTC ที่ยึดมาในปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม เดวิด แซคส์(David Sacks) ที่ปรึกษาด้านคริปโตของทรัมป์ เคยวิจารณ์ว่าเป็นการ ‘สูญเสียโอกาส’ ในการสะสมสินทรัพย์ระยะยาว
การดำเนินแผนสะสมบิตคอยน์ของทรัมป์อาจต้องผ่านกระบวนการอนุมัติกฎหมายเพิ่มเติม การอภิปรายเชิงนโยบายครั้งต่อไปอาจมีผลกระทบต่อทิศทางของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0