ตลาดคริปโตเคลื่อนไหวอย่างคึกคักก่อนหมดอายุสัญญาออปชันมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะ บิตคอยน์(BTC) ที่มีออปชันมูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนหลักของการหมดอายุครั้งนี้ ขณะที่ อีเธอเรียม(ETH) ก็มีออปชันมูลค่า 482 ล้านดอลลาร์ที่กำลังจะหมดอายุเช่นกัน
แม้ว่าการหมดอายุของออปชันครั้งนี้อาจไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดมากนัก แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ‘อัตราส่วนพุท/คอล (Put/Call Ratio)’ ของบิตคอยน์อยู่ที่ 0.67 บ่งชี้ว่าออปชันฝั่งซื้อ (คอล) มีจำนวนมากกว่าฝั่งขาย (พุท) นอกจากนี้ วันหมดอายุของออปชันยังตรงกับการประชุมสุดยอดคริปโตของทำเนียบขาว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดมากกว่าปัจจัยทางเทคนิคของออปชันเอง
ตามข้อมูลจาก Deribit แพลตฟอร์มอนุพันธ์ สัญญาออปชันที่มี ‘มูลค่าสถานะค้าง(Open Interest)’ มากที่สุดอยู่ที่ระดับราคา 120,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีมูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ระดับราคา 100,000 ดอลลาร์ และ 110,000 ดอลลาร์ ก็มีมูลค่าเกิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนฝั่งระดับราคา 70,000 - 80,000 ดอลลาร์ ก็ยังคงมีสถานะค้างอยู่ในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางของตลาดในระยะสั้น
ขณะที่แนวโน้มตลาดออปชันยังรอการตัดสินใจ ตลาดสpotเองก็ได้รับแรงกระเพื่อมหลังจาก ประธานาธิบดีทรัมป์ ออกคำสั่งบริหารเกี่ยวกับ ‘เงินสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์’ โดยมีเป้าหมายให้สหรัฐฯ ใช้ประโยชน์จากการถือครองบิตคอยน์เพื่อความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตลาด解釋ว่า รัฐบาลกลางไม่น่าจะซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติม ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ร่วงจาก 90,000 ดอลลาร์ ลงไปที่ 85,000 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์เตือนว่าความผันผวนที่รุนแรงของบิตคอยน์อาจสร้างความเสียหายต่อเทรดเดอร์ที่เปิดสถานะระยะยาวหรือระยะสั้นมากเกินไป โดยคาดว่าโซนราคา 87,000 - 89,000 ดอลลาร์จะเป็นแนวต้านสำคัญในระยะสั้น ขณะที่บางฝ่ายมองว่า ถ้ารัฐบาลทรัมป์ออกแผนดำเนินการที่ชัดเจนกว่านี้ ตลาดอาจมีโอกาสฟื้นตัวกลับมาได้
โดยสรุป นักวิเคราะห์เห็นตรงกันว่าหลังจากออปชันหมดอายุแล้ว ทิศทางตลาดจะเริ่มชัดเจนขึ้น แต่ในช่วงนี้นักลงทุนต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนระยะสั้นด้วยกลยุทธ์การลงทุนอย่างรอบคอบ
ความคิดเห็น 0