คอยน์เบส(Coinbase) ดึงทีมไอออนฟิช(Iron Fish) เสริมความเป็นส่วนตัวให้เครือข่ายเบส(Base)

คอยน์เบส(Coinbase) เดินหน้าเสริมศักยภาพ ‘เบส(Base)’ ซึ่งเป็นเครือข่ายชั้นที่ 2 ของตัวเอง ด้วยการเข้าซื้อทีมพัฒนาไอออนฟิช(Iron Fish) เพื่อมุ่งพัฒนาฟีเจอร์ด้าน ‘ความเป็นส่วนตัว’ ในเครือข่ายของตนเอง

เมื่อวันที่ 7 เบสประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้ดึงตัวทีมพัฒนาแกนหลักของไอออนฟิชเข้ามาร่วมงาน อย่างไรก็ตาม ดีลครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อบล็อกเชนของไอออนฟิชหรือโทเคนเนทีฟของโปรเจกต์ (IRON) โดยไอออนฟิชจะยังคงดำเนินงานอย่างเป็นอิสระ

ไอออนฟิชเป็นโปรเจกต์บล็อกเชนที่เน้นด้านความเป็นส่วนตัวโดยใช้เทคโนโลยี ‘zk-SNARKs’ ในการสนับสนุนการทำธุรกรรมที่ไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งเปิดตัวเมนเน็ตไปเมื่อปี 2023 นอกจากนี้ ในปี 2021 โปรเจกต์นี้ได้รับเงินลงทุน 28 ล้านดอลลาร์จากอันเดรสเซน ฮอโรวิตซ์(Andreessen Horowitz) และนักลงทุนรายอื่น ๆ

ทั้งนี้ จากดีลดังกล่าว ผู้ร่วมก่อตั้งไอออนฟิชอย่างเอเลนา นาโดลินสกี(Elena Nadolinski) และเจสัน สแปฟฟอร์ด(Jason Spafford) พร้อมทีมงานสำคัญจำนวนหนึ่งจะเข้าร่วมกับเบสเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัวต่อไป โดยนาโดลินสกีจะยังดำรงตำแหน่งกรรมการของมูลนิธิไอออนฟิชต่อไป เพื่อรักษาความเป็นอิสระของโปรเจกต์

ไอออนฟิชเปิดเผยในบล็อกโพสต์ล่าสุดว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว และปัจจุบันสามารถเชื่อมต่อกับบล็อกเชนสาธารณะ 27 เครือข่าย นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ ‘การตรวจสอบเบื้องต้น’ เพื่อให้ธุรกรรมมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่มฟังก์ชัน ‘การโอน USDC แบบไม่เปิดเผยข้อมูล’ บนเบส

ทางฝั่งเบสเองมองว่าการเข้าร่วมของทีมไอออนฟิชถือเป็น ‘ก้าวสำคัญ’ ในการพัฒนาเครือข่ายทั้งด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว นาโดลินสกียังกล่าวเสริมว่า “เบสอยู่ในจุดที่สามารถเป็นผู้นำในการผลักดันการนำคริปโตไปสู่การใช้งานระดับโลก และเรากำลังพัฒนาเครื่องมือด้านความเป็นส่วนตัวให้เป็นมาตรฐานใหม่ของวงการคริปโต”

หลังการประกาศข่าว โทเคน IRON ของไอออนฟิชปรับตัวขึ้นทันที 32% ภายในวันเดียว สู่ระดับ 0.27 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม เบสเองต้องเผชิญความท้าทายจากภาวะตลาดที่ผันผวน โดยตัวเลข TVL (มูลค่ารวมที่ถูกล็อกในแพลตฟอร์ม) ลดลงจาก 4 พันล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม เหลือเพียง 2.8 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน

ด้วยดีลดังกล่าว เบสตั้งเป้าพัฒนาเครือข่ายให้แข็งแกร่งขึ้น และช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ที่มีความปลอดภัยมากขึ้นในอนาคต