โซลานา(SOL) ป่วน! รายได้ร่วง 93% หลังฟองสบู่มีมคอยน์แตก

เครือข่ายโซลานา(SOL) ประสบปัญหารายได้ลดลงอย่างรวดเร็วหลังจากพุ่งสูงสุดในเดือนมกราคม ปีนี้ โดยความร้อนแรงของตลาด ‘มีมคอยน์’ ที่ลดลงทำให้รายได้รายสัปดาห์จากบล็อกเชนของโซลานาลดลงเหลือประมาณ 4 ล้านดอลลาร์ หรือราว 146 ล้านบาท ซึ่งลดลงถึง 93% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดที่ 55.3 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2 พันล้านบาท ในช่วงกลางเดือนมกราคม

ภาวะถดถอยนี้ยังสะท้อนให้เห็นในแอปพลิเคชันกระจายศูนย์ (DApp) โดยรายได้รายสัปดาห์ลดลงจาก 238 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 32 ล้านดอลลาร์ หรือปรับตัวลดลงกว่า 86% ขณะที่มูลค่ารวมของสินทรัพย์ที่ถูกล็อกไว้ในตลาดการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ของโซลานาลดลงเกือบ 50% จาก 12,000 ล้านดอลลาร์ ในเดือนมกราคม เหลือเพียง 6,400 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้รายได้ของเครือข่ายลดลงมาจากการปรับตัวลดลงของปริมาณการซื้อขายมีมคอยน์ ซึ่งเคยเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 80% ของเครือข่าย ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม Pump.fun ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มหลักของการซื้อขายมีมคอยน์ เคยทำรายได้ต่อวันสูงสุดถึง 15 ล้านดอลลาร์ ในช่วงปลายเดือนมกราคม แต่ลดลง 95% เหลือเพียง 800,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 7 ที่ผ่านมา

กระแสการซื้อขายมีมคอยน์พุ่งสูงสุดเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ปล่อยโทเคน ‘TRUMP’ ในวันที่ 18 มกราคม ตามมาด้วยการเปิดตัวโทเคน ‘MELANIA’ ของเมลาเนีย ทรัมป์ สองวันหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม ทั้งสองโทเคนประสบปัญหาการร่วงลงของราคาอย่างรวดเร็ว โดย TRUMP ลดลง 86% จากจุดสูงสุดมาอยู่ที่ 10.50 ดอลลาร์ ขณะที่ MELANIA ลดลงถึง 95% ภายในระยะเวลา 7 สัปดาห์ เหลือเพียง 0.71 ดอลลาร์

ตลาดมีมคอยน์โดยรวมก็ไม่ได้รับการยกเว้น มูลค่าตลาดรวมของมีมคอยน์ลดลงอย่างมากจากระดับสูงสุดที่ 137,000 ล้านดอลลาร์ ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เหลือเพียง 44,000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน หรือลดลง 68%

ราคาของโซลานาก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หลังจากพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดที่ 293 ดอลลาร์ ในช่วงกลางเดือนมกราคม ขณะนี้ราคาปรับตัวลดลงกว่า 58% มาอยู่ที่ 122 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์เชื่อว่าการล่มสลายของตลาดมีมคอยน์ทำให้สภาพคล่องไหลออกจากโซลานา และส่งผลกระทบต่อทั้งระบบนิเวศของเครือข่าย