ไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid) สูญเสีย 4 ล้านดอลลาร์จากกลยุทธ์เทรดขั้นสูง ปรับเลเวอเรจลดความเสี่ยง

แพลตฟอร์มซื้อขายอนุพันธ์ ‘ไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid)’ ประสบ ‘ความสูญเสีย’ มูลค่า 4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปี 2023 โดยเหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นผลมาจาก ‘การแฮก’ หรือ ‘ข้อบกพร่องด้านความปลอดภัย’ แต่เกิดจากกลยุทธ์การเทรดที่ ‘อาศัยโครงสร้างตลาด’ เพื่อสร้างกำไร

เหตุการณ์เริ่มต้นจากเทรดเดอร์รายหนึ่งที่ได้ใช้ 10 ล้าน USDC เปิด ‘สถานะ Long’ อีเธอเรียม(ETH) คิดเป็นมูลค่ารวม 271 ล้านดอลลาร์ ก่อนจะนำไปสู่กระบวนการ ‘บังคับปิดสถานะ’ ซึ่งท้ายที่สุดได้สร้าง ‘กำไร’ ถึง 1.8 ล้านดอลลาร์ โดย ‘กองทุนสภาพคล่อง’ ของแพลตฟอร์ม หรือ HLP ต้องรับภาระขาดทุนก้อนนี้

HLP ของไฮเปอร์ลิควิดทำงานโดยให้ ‘นักลงทุน’ สามารถฝากเงินเข้าไปเพื่อสร้างรายได้จากการเป็น ‘ผู้ดูแลสภาพคล่อง’ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์รายดังกล่าวได้อาศัยกลยุทธ์ ‘ลดมาร์จิ้น’ โดยการถอนหลักประกันออกไป ทำให้ระบบ ‘บังคับปิดตำแหน่ง’ ขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้ HLP ต้องรับภาระ ‘สถานะ Long’ ของ ETH ในปริมาณมาก ขณะที่เทรดเดอร์กลับสามารถ ‘ทำกำไร’ จากการเปิดสถานะ ‘Short’ ETH ในตลาดอื่น

บริษัทวิเคราะห์ตลาด ‘ทรีซิกมา(Three Sigma)’ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าการซื้อขายครั้งนี้เป็นเพียง ‘กลยุทธ์ที่ฉลาด’ หรือเป็น ‘การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่’ ขณะที่ทางไฮเปอร์ลิควิดเองยืนยันว่า ‘ระบบ’ ของพวกเขาแตกต่างจากโมเดล ‘GLP’ และมองว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะข้อบกพร่อง แตะอย่างไรก็ตาม กลไกของ HLP นั้นมี ‘ความเสี่ยง’ ต่อความผันผวนในกระบวนการบังคับปิดสถานะอย่างมีนัยสำคัญ

เพื่อลดความเสี่ยง ไฮเปอร์ลิควิดได้ปรับ ‘เลเวอเรจสูงสุด’ ของบิตคอยน์(BTC) ลงมาที่ 40 เท่า และของอีเธอเรียม(ETH) ลงมาอยู่ที่ 25 เท่า พร้อมยกระดับ ‘ข้อกำหนดมาร์จิ้น’ สำหรับสถานะที่มีขนาดใหญ่

แม้แพลตฟอร์มจะเผชิญกับความสูญเสีย เทโทเคน ‘HYPE’ ของไฮเปอร์ลิควิดก็ปรับตัวลดลงถึง 12% หลังจากเกิดเหตุการณ์ ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวได้ในเวลาต่อมา ส่วน HLP เองแม้จะรับภาระขาดทุนครั้งนี้ แต่ก็ยังสร้างกำไรสะสมรวม 60 ล้านดอลลาร์ตั้งแต่เปิดตัว