‘มาร์เก็ตเมกเกอร์’ มีบทบาทสำคัญในการสร้างเสถียรภาพให้กับโครงการ Web3 โดยช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดส่วนต่างราคา(Bid-Ask Spread) อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่มาร์เก็ตเมกเกอร์ทุกแห่งจะให้บริการในระดับเดียวกัน ดังนั้น การเลือกพันธมิตรที่สอดคล้องกับเป้าหมายของโครงการจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
มาร์เก็ตเมกเกอร์ทำหน้าที่ซื้อและขายสินทรัพย์ในราคาที่กำหนดเพื่อรักษาสภาพคล่องของตลาด ในตลาดคริปโต มาร์เก็ตเมกเกอร์มีบทบาทช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินการซื้อขาย ลดส่วนต่างราคา และรักษาเสถียรภาพของราคาสินทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของเหรียญใหม่ หรือโครงการที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ ซึ่งอาจเผชิญปัญหาขาดแคลนสภาพคล่องได้ง่าย
อย่างไรก็ตาม มีมาร์เก็ตเมกเกอร์บางรายที่อาจใช้กลยุทธ์ที่ส่งผลเสียต่อตลาด เช่น การปั่นปริมาณซื้อขาย การมีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือรูปแบบการซื้อขายที่ไม่เป็นธรรม ดังนั้น การเลือกใช้บริการมาร์เก็ตเมกเกอร์ที่ดำเนินการอย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกมาร์เก็ตเมกเกอร์มีหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือการพิจารณาว่ามาร์เก็ตเมกเกอร์รายนั้นมีประวัติความสามารถที่แสดงให้เห็นถึงการรักษาสภาพคล่องทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการล่มสลายของ FTX ความเชื่อมั่นของตลาดกลายเป็นปัจจัยสำคัญ การประเมินโดยใช้ข้อมูลการปฏิบัติงานจริงจึงควรมีความสำคัญมากกว่าชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ความสามารถในการลดส่วนต่างราคาและรักษาความลึกของคำสั่งซื้อขาย(Order Book) ก็เป็นตัวชี้วัดสำคัญ
ศักยภาพทางเทคโนโลยีก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม มาร์เก็ตเมกเกอร์ระดับสูงใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ล้ำสมัยและอัลกอริทึมเฉพาะตัวในการรักษาเสถียรภาพของตลาด ไม่ว่าจะเป็นระบบซื้อขายความถี่สูง(HFT), เทคโนโลยีอาร์บิทราจทางสถิติ หรือโมเดลวิเคราะห์ตลาดด้วยปัญญาประดิษฐ์
นอกจากนี้ ความสามารถในการปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับโครงการก็เป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากทุกโครงการบล็อกเชนมีโครงสร้างโทเคโนมิกส์และแนวทางตลาดที่แตกต่างกัน มาร์เก็ตเมกเกอร์ที่ดีต้องสามารถเข้าใจโร้ดแมปของโครงการและสามารถให้บริการทั้งในตลาดกระจายศูนย์(DEX) และตลาดศูนย์กลาง(CEX) ได้อย่างคล่องตัว
อีกหนึ่งประเด็นที่ควรพิจารณาคือการมีเครือข่ายการดำเนินงานในตลาดโลก มาร์เก็ตเมกเกอร์บางรายอาจเผชิญข้อจำกัดด้านกฎระเบียบในบางประเทศ ดังนั้น การตรวจสอบว่าโครงการสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นในตลาดเป้าหมายจึงเป็นเรื่องสำคัญ
ท้ายที่สุด ประเด็นด้านจริยธรรมและความโปร่งใสเป็นปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม พฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรม เช่น การทำวอชเทรด(Wash Trading) อาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของโครงการ ดังนั้น การเลือกมาร์เก็ตเมกเกอร์ที่มีรายงานโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการอย่างตรงไปตรงมาจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
โดยสรุป การร่วมมือกับมาร์เก็ตเมกเกอร์ที่แข็งแกร่งสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพของโครงการ Web3 ได้ในระยะยาว การเลือกพันธมิตรที่มีทั้งจรรยาบรรณทางธุรกิจและความสามารถทางเทคโนโลยีที่โดดเด่นย่อมเพิ่มโอกาสให้โครงการสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ความคิดเห็น 0