เกาหลีใต้เดินหน้าคุมเข้มคริปโต จ่อคว่ำบาตรแพลตฟอร์มที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน

หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของเกาหลีใต้เดินหน้าคุมเข้มตลาดคริปโต

เมื่อวันที่ 21 ตามรายงานของสำนักข่าว The Korea Economic Daily หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของเกาหลีใต้ โดยศูนย์วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน (FIU) กำลังพิจารณามาตรการคว่ำบาตรต่อตลาดซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีที่ดำเนินกิจการโดยไม่ขึ้นทะเบียนกับทางการ โดย FIU ได้เริ่มตรวจสอบแพลตฟอร์มที่ไม่ได้ลงทะเบียนเป็นผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือน (VASP) ตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลทางการเงิน และกำลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลงโทษแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น การบล็อกเว็บไซต์

การตรวจสอบของ FIU ครอบคลุมถึงแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตจากต่างประเทศด้วย รายงานระบุว่า ‘คูคอยน์(KuCoin)’ เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ถูกจับตา เนื่องจากพบว่ามีการทำการตลาดและให้บริการแก่ผู้ใช้ในเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม คูคอยน์ออกแถลงการณ์ว่า "เรากำลังเฝ้าติดตามกฎระเบียบของแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด และจะปฏิบัติตามนโยบายการกำกับดูแลเพื่อการเติบโตของอุตสาหกรรมในระยะยาว"

ภายใต้กฎหมายปัจจุบัน ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย เก็บรักษา เป็นตัวกลาง หรือบริหารจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องขึ้นทะเบียนกับ FIU หากฝ่าฝืน อาจเผชิญทั้งโทษทางอาญาและมาตรการทางปกครอง เจ้าหน้าที่ของ FIU เปิดเผยว่า “เรากำลังพิจารณาบล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการอนุญาต โดยร่วมมือกับคณะกรรมการมาตรฐานการสื่อสารและอินเทอร์เน็ตของเกาหลีใต้”

ขณะเดียวกัน ตลาดซื้อขายภายในประเทศก็อยู่ภายใต้การจับตาของภาครัฐเช่นกัน เมื่อวันที่ 20 อัยการได้เข้าตรวจค้นสำนักงานใหญ่ของ ‘บิทัมบ์(Bithumb)’ เพื่อสืบสวนข้อกล่าวหายักยอกเงินของอดีตซีอีโอ คิม แดซิก โดยคิมถูกกล่าวหาว่านำเงินของบริษัทไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทางบิทัมบ์ชี้แจงว่าเงินดังกล่าวได้รับการชำระคืนผ่านการกู้ยืม

นอกจากนี้ ยังมีข้อกล่าวหาว่าบิทัมบ์และ ‘อัพบิต(Upbit)’ อาจมีการจ่ายเงินจำนวนมากให้แก่ตัวกลางเพื่อแลกกับการลิสต์เหรียญคริปโต สำหรับกรณีนี้ อัพบิตได้เรียกร้องให้สื่อเปิดเผยรายชื่อโครงการที่ถูกกล่าวหา และแสดงท่าทีว่าพร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

การปราบปรามแพลตฟอร์มคริปโตจากทั้งในและนอกประเทศของ FIU ได้สร้างบรรยากาศความกดดันในอุตสาหกรรมคริปโตของเกาหลีใต้ นักลงทุนและบริษัทต่าง ๆ จึงเฝ้ารอท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่ามาตรการที่กำลังจะออกมาจะส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างไรในอนาคต