อดีตซีอีโอเซฟมูนยื่นขอเลื่อนคดี อ้างนโยบายทรัมป์อาจมีผลต่อคำตัดสิน

เบรเดน จอห์น คาโรนี(Braden John Karony) อดีตซีอีโอของเซฟมูน(SafeMoon) ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาคดีของตน โดยให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอ อาจส่งผลต่อการตัดสินคดีของเขา

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ (เวลาท้องถิ่น) เอกสารของศาลที่ยื่นต่อศาลแขวงตะวันออกของนิวยอร์ก (EDNY) ระบุว่าคาโรนีร้องขอให้เลื่อนกำหนดการคัดเลือกคณะลูกขุนจากเดือนมีนาคม 2025 เป็นเดือนเมษายน 2025 โดยให้เหตุผลว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) กำลังพิจารณาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกี่ยวกับกฎระเบียบของสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้รัฐบาลทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลต่อคดีของเขา

ทีมทนายความของคาโรนีชี้ให้เห็นว่าคำสั่งบริหารที่ทรัมป์ลงนามเมื่อวันที่ 23 มกราคม อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการทบทวนแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล นอกจากนี้ ยังอ้างถึงแถลงการณ์ของเฮสเตอร์ เพียร์ซ(Hester Peirce) กรรมาธิการของ SEC ซึ่งระบุว่าคณะกรรมการอาจพิจารณายกเว้นโทษย้อนหลังในบางคดีเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล

ทนายของคาโรนีระบุว่า “หากการพิจารณาคดีดำเนินไปตามกำหนดเดิม กระทรวงยุติธรรมอาจตัดสินใจไม่ถือว่าเซฟมูนเป็นหลักทรัพย์ก่อนหรือระหว่างการพิจารณาคดี” พร้อมเสริมว่า “หากแนวทางของรัฐบาลเปลี่ยนไป ข้อกล่าวหาส่วนหนึ่งอาจกลายเป็นโมฆะ”

อย่างไรก็ตาม อัยการฝ่ายรัฐบาลของศาลแขวงตะวันออกของนิวยอร์ก (EDNY) ได้ยื่นหนังสือคัดค้านคำร้องขอเลื่อนคดีของคาโรนีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ โดยให้เหตุผลว่านโยบายของรัฐบาลทรัมป์ยังไม่มีความชัดเจน และการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบที่ฝ่ายจำเลยอ้างถึงเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น

จอห์น เดอแรม(John Durham) อัยการจาก EDNY ยืนยันว่า “ถึงแม้สถานะหลักทรัพย์ของเซฟมูนจะถูกเปลี่ยนแปลง แต่ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงและการฟอกเงินต่อคาโรนียังคงมีผลอยู่” และย้ำว่าคำร้องขอเลื่อนคดีควรถูกปฏิเสธ

ปัจจุบัน คาโรนีได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวหลังจากจ่ายเงินประกัน 3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 435 ล้านบาท) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ขณะเดียวกัน คาร์ล นากี(Kyle Nagy) ผู้ต้องหาร่วมในคดีของเซฟมูน ถูกระบุว่าหลบหนีไปยังรัสเซียหลังถูกดำเนินคดี คาโรนียังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และกำลังรอดูว่าคำร้องของเขาจะได้รับการพิจารณาจากศาลหรือไม่