แอนโธนี สคารามุชชีโจมตี NYAG ใช้กฎหมายมาร์ตินเล่นงาน Galaxy Digital ไม่เป็นธรรม

แอนโธนี สคารามุชชี ผู้ก่อตั้งบริษัทสกายบริดจ์ แคปิทอล(SkyBridge Capital) ออกมาโจมตีการฟ้องร้องของสำนักงานอัยการรัฐนิวยอร์ก(NYAG) ต่อบริษัทกาแล็กซี่ ดิจิทัล(Galaxy Digital) อย่างรุนแรง โดยระบุว่าเป็นการ ‘ใช้กฎหมายในทางที่ผิด’ พร้อมชี้ว่ากฎหมายมาร์ติน(Martin Act) ซึ่งเป็นหัวใจของคดีนี้ อาจถูก ‘นำไปใช้ในทางที่ผิด’ และสมควรถูกยกเลิก

เมื่อวันที่ 29 มีนาคม สคารามุชชีแสดงความเห็นผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่า การที่เพื่อนของเขา ‘ไมค์ โนโวกราตซ์(Mike Novogratz)’ ถูกสั่งฟ้องในนามของกาแล็กซี่ ดิจิทัล เนื่องจากส่งเสริมให้ลงทุนในเหรียญลูน่า(LUNA) ของเทอร์ราฟอร์ม แลบส์(Terraform Labs) เป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรม เขายืนยันว่า “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่กาแล็กซี่ แต่อยู่ที่ โด ควอน(Do Kwon)” โดยบอกว่าโด ควอนและทีมเทอร์ราฟอร์มต่างหากที่เป็น “ตัวการแท้จริง” ในการออกแบบระบบเทอร่าและก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรง

เอกสารจากอัยการรัฐนิวยอร์กเมื่อวันที่ 28 มีนาคมระบุว่า กาแล็กซี่ ดิจิทัลได้ซื้อเหรียญลูน่าจำนวน 18.5 ล้านเหรียญ ในราคาลด 30% หรือประมาณ 0.31 ดอลลาร์ต่อเหรียญในเดือนตุลาคม 2020 ก่อนจะทำกำไรจำนวนมากในปี 2021 เมื่อราคาพุ่งขึ้นไปถึง 100 ดอลลาร์ต่อเหรียญ อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2022 ระบบของเทอร์ร่าล่ม สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วตลาดคริปโต

ทั้งนี้ NYAG อ้างว่า กาแล็กซี่ ดิจิทัลละเมิดกฎหมายมาร์ตินและมาตรา 63(12) ของกฎหมายบริหารรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่ทรงพลังในการลงโทษด้านการเงิน แม้ไม่มีหลักฐานเจตนาทุจริตก็ตาม

กาแล็กซี่ ดิจิทัลยอมตกลงชำระเงินจำนวนรวม 200 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,920 ล้านบาท) ให้กับรัฐนิวยอร์กเพื่อยุติคดี โดยแบ่งจ่ายภายใน 3 ปี เริ่มจาก 15 ล้านดอลลาร์ในปีแรก, 40 ล้านดอลลาร์ในปีที่สองและสาม และสุดท้ายอีก 60 ล้านดอลลาร์ในปีสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม สคารามุชชีกล่าวว่าการยอมจ่ายเงินในครั้งนี้เป็น ‘การสังเวยที่ไม่สมควร’ และย้ำว่า “กฎหมายมาร์ตินไม่ควรมีอยู่เลย” พร้อมชี้ว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ก็กำลังมีการฟ้องร้องเทอร์ราฟอร์มอยู่แล้ว และการที่ NYAG ใช้เครื่องมือทางกฎหมายซ้ำซ้อนกับเอกชนอย่างกาแล็กซี่ กลับดูขัดแย้งและไม่ชอบธรรม

ความคิดเห็นจากแวดวงคริปโตจำนวนมากเริ่มสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของกฎหมาย และความไม่สอดคล้องกันระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลในประเด็นต่าง ๆ โดยกรณีนี้ได้กระตุ้นการถกเถียงเกี่ยวกับ ‘ความชัดเจนทางกฎหมาย’ และ ‘แนวทางปฏิบัติที่ยุติธรรม’ สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมคริปโตในอนาคต