บิตคอยน์(BTC) พุ่งแตะ 86,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางวิกฤตภาษีทรัมป์-จีน ตลาดชี้เสี่ยงร่วงอีก 11%

บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุระดับ 86,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 (เวลาท้องถิ่น) ทันทีหลังเปิดตลาดหุ้นนิวยอร์ก ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายกำแพงภาษีทางการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ราคาบิตคอยน์จึงเดินหน้าสร้างจุดสูงสุดใหม่ของเดือนเมษายน ท่ามกลางสภาพตลาดที่ผันผวน

ข้อมูลจาก TradingView และ Cointelegraph Markets Pro ระบุว่า ราคาบิตคอยน์ในตลาดบิตสแทมป์ทำจุดสูงสุดระหว่างวันไว้ที่ 86,444 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการทะลุแนวต้านระยะสั้น อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์ยังเตือนว่ามีโอกาสที่ราคาจะร่วงลง โดยคาดว่าราคาบิตคอยน์อาจลดลงได้สูงสุดถึง 11% กลับไปที่ระดับ 76,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.1 ล้านบาท

ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมแถลงข่าวเกี่ยวกับการนำภาษีต่อจีนกลับมาใช้ใหม่ในช่วงบ่ายวันนั้นที่ทำเนียบขาว ซึ่งตลาดเรียกวันนี้ว่า ‘วันปลดปล่อยภาษี’ ปฏิกิริยาในตลาดทุนเห็นได้จากการที่ดัชนี S&P500 และ NASDAQ เริ่มต้นวันด้วยการปรับตัวลง ขณะที่บิตคอยน์กลับดีดตัวขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สำคัญ แสดงให้เห็นถึงทิศทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

เร็กต์ แคปิทัล (Rekt Capital) นักเทรดและนักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง ชี้ว่าตอนนี้ราคาบิตคอยน์กำลังเคลื่อนไหวในช่วงระหว่างเส้นค่าเฉลี่ย EMA รายสัปดาห์ 21 และ 50 ซึ่งพัฒนาเป็นรูปแบบรวมตัวเตรียมเบรกเอาต์ เขาให้ความเห็นว่า "โครงสร้างทางเทคนิคลดต่ำลงของเส้นค่าเฉลี่ย 21 สัปดาห์ สะท้อนโอกาสสูงขึ้นในการเกิดการทะลุแนวต้านในไม่ช้า" พร้อมเสริมว่า "แม้เพียงแท่งเทียนระดับรายวันแท่งเดียวก็อาจส่งสัญญาณเริ่มต้นตลาดกระทิงรอบใหม่ได้"

แต่ใช่ว่าทุกคนจะมองโลกในแง่ดี QCP Capital บริษัทซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจากสิงคโปร์ ให้ความเห็นผ่านช่อง Telegram ว่า “บิตคอยน์ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน และภาพรวมของตลาดคริปโตก็กำลังอ่อนแรง” พร้อมชี้ว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงมหภาคหรือข่าวเร่งตัวครั้งใหญ่ โอกาสของการกลับตัวในตลาดยังต่ำ พวกเขายังเสริมว่า อีเธอเรียม(ETH) แม้ยังยืนเหนือแนวรับ 1,800 ดอลลาร์ได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าตลาดกำลังแสดงอาการอ่อนเพลีย

ในอีกมุมหนึ่ง Swissblock บริษัทจัดการสินทรัพย์จากสวิตเซอร์แลนด์ ให้ความเห็นที่แตกต่าง โดยอ้างอิงกราฟเทคนิคว่า “ยังไม่พบสัญญาณการพังทลายของราคาทันที” พร้อมชี้ว่าการประกาศมาตรการภาษีในครั้งนี้อาจเป็นบททดสอบสำคัญว่า บิตคอยน์จะยังคงยืนหยัดในฐานะ ‘เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง’ เทียบกับระบบการเงินแบบดั้งเดิม หรือจะตกลงไปพร้อมกับสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ

นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในอดีต บิตคอยน์ตอบสนองต่อปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะนโยบายด้านภาษีและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ที่ราคาร่วงลงแรงใกล้ระดับแนวต้านสำคัญช่วงเวลาแถลงนโยบายภาษี นักลงทุนจึงเฝ้ารอท่าทีของแต่ละประเทศหลังคำแถลงของทรัมป์ พร้อมจับตาการเคลื่อนย้ายเงินทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกอย่างเข้มข้น