Curve Finance ทำสถิติซื้อขายทะลุ 35,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก แม้ตลาดคริปโตซบเซา

โปรโตคอลด้านการเงินไร้ศูนย์กลางหรือดีไฟ(Curve Finance) ทำสถิติ ‘ปริมาณการซื้อขาย’ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ประมาณ 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.29 ล้านล้านบาท) ในไตรมาสแรกของปี 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดการทำธุรกรรมกว่า 5.5 ล้านรายการในช่วงเวลาดังกล่าว ตามข้อมูลจากทางทีมงานของเคิร์ฟ

ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่น เนื่องจากเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดคริปโตทั่วโลกกำลังอยู่ในสภาวะซบเซา โดยข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม มูลค่าตลาดรวมของสินทรัพย์ดิจิทัลลดลงมากกว่า 20% แต่ท่ามกลางแรงกดดันในตลาดภาพรวม เคิร์ฟไฟแนนซ์กลับแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มบวก ทั้งในแง่ของ ‘ปริมาณการซื้อขาย’ และกิจกรรมของผู้ใช้งาน

ในช่วงปีที่ผ่านมา เคิร์ฟได้ดำเนินกลยุทธ์เพื่อปรับตัวเข้ากับตลาดดีไฟที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยในเดือนมิถุนายน 2024 บริษัทได้เปิดตัว ‘crvUSD’ ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ของตนเอง และปรับระบบการจัดสรรผลตอบแทนจากพูลสภาพคล่องแบบ 3crv ไปสู่โมเดลที่ให้ผลตอบแทนผ่านการถือครองโทเคนโดยตรง จากนั้นในเดือนพฤศจิกายน เคิร์ฟยังได้ร่วมมือกับเครือข่ายบล็อกเชนเอลิกเซอร์ ในการนำเงินกองทุนตราสารหนี้แบบโทเคนของบริษัทลงทุนระดับโลกอย่างแบล็คร็อก เข้าสู่ระบบดีไฟผ่านกองทุน BUIDL

สำหรับแผนในอนาคต เคิร์ฟตั้งเป้าที่จะเปิดตัวอินเทอร์เฟซที่รวมบริการให้กู้ยืมของตนไว้ในแพลตฟอร์มเดียว พร้อมทั้งเพิ่ม ‘ระยะเวลาผ่อนผัน’ ที่ผู้ใช้งานสามารถจัดการสถานะการลงทุนก่อนการบังคับขายได้ โดยไมเคิล เยโกรอฟ(Michael Egorov) ผู้ก่อตั้งเคิร์ฟกล่าวว่า การแลกเปลี่ยนระหว่างสเตเบิลคอยน์ที่อิงสกุลเงินต่าง ๆ เช่น ยูโรหรือดอลลาร์ ยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องการการแก้ไข และเคิร์ฟมุ่งมั่นจะเป็นผู้นำในการสร้าง ‘โซลูชันด้านสภาพคล่อง’ ในตลาดนั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ ‘ปริมาณการซื้อขาย’ จะเติบโตขึ้น แต่มูลค่ารวมที่ถูกล็อกไว้ (TVL) ในแพลตฟอร์มเคิร์ฟ ณ ต้นเดือนเมษายนลดลงเหลือราว 1.8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 66,300 ล้านบาท) เทียบกับต้นปีที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 91,250 ล้านบาท) ขณะเดียวกัน มูลค่าตามราคาตลาดของโทเคน CRV เองก็ลดลงจากต้นปีราว 40% เหลือประมาณ 640 ล้านดอลลาร์ (ราว 23,360 ล้านบาท)

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศของดีไฟทั่วโลก ที่ขับเคลื่อนด้วยความร่วมมือด้านกฎระเบียบและวิวัฒนาการทางเทคโนโลยี ‘กลยุทธ์การใช้สเตเบิลคอยน์แบบเฉพาะตัว’ และการยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้กลายเป็นจุดแข็งของเคิร์ฟไฟแนนซ์ ซึ่งยังคงเดินหน้าสร้างความแตกต่างแบบท้าทาย แม้ในช่วงที่ตลาดคริปโตยังผันผวนอย่างหนัก