เทรเชอร์ดาว (Treasure DAO) ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ลดงบ 8.3 ล้านดอลลาร์ หวังอยู่รอดถึงปี 2026

เทรเชอร์ดาว(Treasure DAO) ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาและสนับสนุนระบบนิเวศเกมในโลก Web3 กำลังเผชิญกับวิกฤติด้านเงินทุน ส่งผลให้ต้องปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ พร้อมเข้าสู่การดำเนินงานแบบรัดเข็มขัด โดยจอห์น แพตเทน(John Patten) หนึ่งในบุคคลสำคัญของโครงการ ประกาศว่าจะลดงบประมาณอย่างมากเพื่อให้โครงการสามารถอยู่รอดได้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2026 โดยชี้ว่ารายจ่ายคงที่ปีละ 8.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 121 ล้านบาท) ไม่สามารถแบกรับได้อีกต่อไป

เมื่อเร็วๆ นี้ แพตเทนได้โพสต์วิดีโอบน X (ชื่อเดิมคือทวิตเตอร์) ระบุว่า เขาจะกลับมารับบทผู้นำอีกครั้ง พร้อมผลักดัน ‘การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ’ ร่วมกับชุมชน DAO เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยเขาย้ำว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเชิงกลยุทธ์ทั่วไป แต่เป็น ‘มาตรการเพื่อความอยู่รอด’ โดยได้ตัดสินใจยุติการให้บริการด้านเผยแพร่เกมและการพัฒนา ‘Treasure Chain’ รวมถึงลดจำนวนผู้ร่วมงานลง 15 คน

นอกจากนี้ เทรเชอร์ดาวยังเตรียมเสริมสภาพคล่องด้วยการนำเงินจำนวน 785,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 11.4 ล้านบาท) ซึ่งปัจจุบันฝากไว้กับบริษัทจัดหาสภาพคล่อง ฟลโลว์เดสก์(Flowdesk) กลับมาใช้งาน เพื่อแก้ไขสถานการณ์ทางการเงิน แพตเทนเปิดเผยว่า จากจำนวนสเตเบิลคอยน์ที่ถืออยู่ปัจจุบัน โครงการสามารถดำเนินการได้ถึงเพียงเดือนธันวาคมนี้เท่านั้น แต่หากสามารถดึงเงินฝากกลับมาได้พร้อมกับลดค่าใช้จ่าย ก็น่าจะสามารถอยู่รอดได้ถึงต้นปี 2026 ใน ‘สถานการณ์ดีที่สุด’

ตามที่แพตเทนรายงาน เทรเชอร์ดาวมีสถานะทางการเงินที่ ‘ไม่มั่นคง’ โดยเหลือเงินสดในคลัง DAO อยู่เพียง 2.4 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 35 ล้านบาท) ขณะที่กองทุนของระบบนิเวศถือครองโทเคนแมจิก(MAGIC) อยู่จำนวน 22.3 ล้านโทเคน แต่มีมูลค่าในตลาดเพียง 2.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 33.6 ล้านบาท) เท่านั้น เขาเตือนว่า หากราคาของ MAGIC ยังคงลดลงอีก การบริหาร DAO อาจไม่สามารถไปถึงต้นปีหน้าได้

เพื่อมุ่งเน้นไปที่ความอยู่รอด เทรเชอร์ดาวจึงปรับแผนธุรกิจใหม่ โดยจะโฟกัสเพียง 4 ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ เกมบริดจ์เวิลด์(Bridgeworld), สมอลเวิลด์(Smolworld), มาร์เก็ตเพลส และเทคโนโลยีเอเจนต์ AI ที่ขยายได้ โดยแพตเทนกล่าวว่า “DAO จะโฟกัสเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างรายได้โดยตรงเท่านั้น ฟีเจอร์หรือพันธมิตรอื่นที่จะไม่สร้างรายได้จะถูกตัดออกทั้งหมด”

บริการทั้ง 4 รูปแบบนี้จะถูกออกแบบให้ใช้งานผ่านโทเคน MAGIC เป็นหลัก โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง และเป็นจุดดึงดูดให้กับโปรเจกต์ใหม่ๆ เข้ามาร่วมใช้แพลตฟอร์ม

เทรเชอร์ดาวเปิดตัวในปี 2021 โดยให้บริการโครงสร้างพื้นฐานและคำปรึกษาแก่ผู้พัฒนาเกม Web3 เพื่อขยายระบบนิเวศ แต่ตั้งแต่มีการแอร์ดรอปของอาร์บิทรัม(Arbitrum) เมื่อเดือนมีนาคมปีก่อน การเติบโตของโครงการกลับหยุดชะงัก ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้โครงการตระหนักถึงข้อจำกัดของโมเดลธุรกิจเดิม แพตเทนกล่าวว่า “เราดำเนินการมาโดยไม่มีโมเดลรายได้ที่สามารถขยายได้ สุดท้ายเราไม่มีรายได้เพิ่ม แต่ค่าใช้จ่ายกลับสูงขึ้นมาก”

ในขณะเดียวกัน ราคาของ MAGIC ซึ่งเป็นโทเคนหลักของโครงการ ปรับตัวลดลงอย่างหนัก โดยร่วงลงถึง 16.5% ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มาอยู่ที่ระดับ 0.0872 ดอลลาร์ ลดลงกว่า 98% เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดที่ 6.32 ดอลลาร์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ตลาดจับตาดูว่าการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของเทรเชอร์ดาวจะช่วยให้สถานะการเงินเริ่มฟื้นตัว และผลักดันให้ราคาของ MAGIC ฟื้นกลับมาได้หรือไม่