พายคอยน์(PI) ราคาร่วงหนัก 78% นักลงทุนกังวลความน่าเชื่อถือ โดนตราว่า 'กลโกง'

พายคอยน์(PI) ซึ่งเคยได้รับความคาดหวังอย่างสูงในฐานะสกุลเงินดิจิทัลน้องใหม่ กำลังเผชิญกับวิกฤตอย่างรุนแรง หลังจากราคาดิ่งลงถึง 78% ภายในไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จากระดับ 2.98 ดอลลาร์เมื่อเปิดตัวเมนเน็ตในเดือนกุมภาพันธ์ เหลือเพียง 0.67 ดอลลาร์ในขณะนี้ มูลค่าตลาดที่ครั้งหนึ่งเคยแตะ 20,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 660,000 ล้านบาท) ขณะนี้ลดฮวบลงเหลือเพียง 4,560 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 150,000 ล้านบาท) นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึง ‘ความน่าเชื่อถือ’ ของโครงการนี้อย่างจริงจัง

สาเหตุหลักของการร่วงครั้งนี้ถูกชี้ไปที่การปลดล็อกโทเคนจำนวนมหาศาล อเล็กซ์ ออบชาเควิช(Alex Obchakevich) ผู้ก่อตั้ง Obchakevich Research ระบุว่า “ปริมาณพายคอยน์ที่เข้าสู่ตลาดนั้นมากเกินไปกว่าความต้องการ ซึ่งอาจนำไปสู่การลดลงของราคาในอนาคต” โดยขณะนี้มีการปล่อยเหรียญ PI แล้วกว่า 4.9 พันล้าน และมีแผนจะปลดเพิ่มอีก 1.54 พันล้านเหรียญในปีหน้า

นอกจากนี้ ปัญหาการยืนยันตัวตน (KYC) ของแพลตฟอร์ม ‘พายเน็ตเวิร์ก’ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ทำลายความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุน แม้จะมีผู้เข้าร่วมขุดมากถึง 60 ล้านคน แต่มีเพียง 14 ล้านบัญชีที่สามารถย้ายเหรียญจากระบบทดลองไปยังเมนเน็ตได้จริง ซึ่งเป็นผลมาจากขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่ยุ่งยากและล่าช้า ส่งผลให้นักใช้งานจำนวนมากโวยผ่านโซเชียลมีเดียถึงปัญหาการทำธุรกรรมที่ล้มเหลว และการไม่สามารถเบิกเหรียญได้ ขณะที่ทีมพัฒนาไม่ได้ออกมาชี้แจงใด ๆ อย่างชัดเจน

เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่น พายเน็ตเวิร์กได้จัดงาน ‘PiFest’ พร้อมอวดว่าได้ดึงดูดร้านค้าพันธมิตรมากกว่า 125,000 แห่งทั่วโลก อย่างไรก็ตาม มีความเห็นว่า ‘ยอดธุรกรรมบนบล็อกเชน’ ที่เกี่ยวข้องกลับน้อยเกินคาด และยังไม่มีหนึ่งในกรณีใช้งานจริงหรือเทคโนโลยีที่โดดเด่น เทียบเท่าสกุลอื่นอย่างอีเธอเรียม(ETH) หรือโซลานา(SOL)

แม้ด้านลบจะหนักหน่วง แต่บางผู้เชี่ยวชาญยังไม่ตัดอนาคตของพายคอยน์เสียทีเดียว ออบชาเควิชให้ความเห็นว่า “หากโครงการสามารถพัฒนาเทคโนโลยีอย่างจริงจังและปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้งาน ก็ยังมีโอกาสแข่งขันกับโปรเจกต์ระดับใหญ่ได้” อย่างไรก็ตาม มุมมองทั่วไปยังคง ‘ไม่เชื่อมั่น’ โดยเบน โจว(Ben Zhou) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Bybit ถึงขั้นระบุว่า “พายคอยน์คือกลโกง” และไม่เชื่อมั่นต่อความยั่งยืนของโครงการ

สุดท้ายแล้ว แนวโน้มของพายคอยน์จะขึ้นหรือลง ยังขึ้นอยู่กับว่าทีมพัฒนาจะสามารถ ‘ฟื้นความไว้วางใจ’ จากผู้ใช้และตลาดได้หรือไม่ หากไม่สามารถนำเสนอโรดแมปที่ชัดเจน ขจัดปัญหา KYC และเสริมการใช้งานจริงได้ โครงการนี้อาจกลายเป็นเพียงสินทรัพย์ดิจิทัลในระบบปิดที่ไร้คุณค่าในระยะยาว ความคิดเห็นที่ว่า ‘แม้ชื่อจะดัง แต่ไม่มีความหมาย’ กำลังกลายเป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้