ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
กระเป๋าเงินสะสมของอีเธอเรียม(ETH) มีเงินไหลเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 883 ล้านดอลลาร์ภายในวันเดียว บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแนวโน้มระยะยาวของอีเธอเรียม
ตามข้อมูลจาก CryptoQuant เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่อยู่สะสมของอีเธอเรียมได้รับการโอนเข้า 337,705 ETH ทำให้ยอดถือครองรวมเพิ่มขึ้นเป็น 19.24 ล้าน ETH แม้จะมีการไหลเข้าครั้งใหญ่ แต่ราคาของอีเธอเรียมในปีนี้ปรับตัวลดลง 20.75% ในขณะที่ปริมาณการถือครองในกระเป๋าสะสมเพิ่มขึ้น 20.55% ในช่วงเวลาเดียวกัน บ่งชี้ว่าผู้เข้าร่วมตลาดมองข้ามการปรับฐานของราคาและให้ความสำคัญกับศักยภาพระยะยาว
กระเป๋าเงินสะสมเหล่านี้มีลักษณะพิเศษคือ มักจะซื้อ ETH และถือครองโดยไม่ทำการโอนออก ซึ่งเป็นลักษณะของนักลงทุนสถาบัน หรือนักลงทุนที่มองในเชิงกลยุทธ์ โดยปกติแล้ว การไหลเข้าจำนวนมากเช่นนี้มักเป็นสัญญาณล่วงหน้าของแนวโน้มขาขึ้นในราคา ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว มีการโอนเข้า 244,000 ETH ในกระเป๋าสะสม และสองเดือนหลังจากนั้น ราคาของอีเธอเรียมพุ่งขึ้น 35%
ในขณะเดียวกัน กระแสเงินทุนที่เข้าสู่อีเธอเรียม ETF ในสหรัฐฯ กำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งคล้ายกับการเพิ่มขึ้นของกระแสเงินที่เข้าตลาดหลังจากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในปี 2024 นอกจากนี้ การถือครองของนักลงทุนรายย่อยก็เติบโตขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะ ‘วาฬ’ ที่ถือครอง ETH ในช่วง 10,000-100,000 เหรียญ ซึ่งยังคงสะสมเพิ่มขึ้น รวมถึงนักลงทุนทั่วไปที่มองเห็นโอกาสในการเข้าซื้อที่จุดต่ำสุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
MAC_D นักวิเคราะห์จาก CryptoQuant ระบุว่า “การไหลเข้าสูงเช่นนี้มีความเกี่ยวข้องกับความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลของทรัมป์อาจช่วยลดความเสี่ยงด้านกฎระเบียบของ DeFi” และเสริมว่า “นักลงทุนรายใหญ่ยังคงสะสมอีเธอเรียมอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจความผันผวนของราคา” นอกจากนี้ Coinvo บริษัทวิเคราะห์ตลาด ยังมองว่านี่คือ "สัญญาณการซื้อที่ชัดเจนสำหรับอีเธอเรียม" ขณะที่บิล บาฮายต์ (Bill Barhydt) ผู้ก่อตั้ง Abra คาดการณ์ว่า “อีเธอเรียมอาจแตะ 16,000 ดอลลาร์ ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง”
อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่ระดับ 4,000 ดอลลาร์ของอีเธอเรียมอาจไม่ราบรื่น อีเธอเรียมยังตามหลังบิตคอยน์ และมูลค่าของ ETH เมื่อเทียบกับ BTC ลดลงถึง 75% ตั้งแต่ปี 2021 นอกจากนี้ คู่แข่งอย่างโซลานา(SOL) กำลังแข็งแกร่งขึ้น โดย SOL/ETH เพิ่มขึ้นถึง 1,025% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา และได้รับความนิยมในหมวด DeFi และ NFT จากความสามารถในการขยายตัวที่สูงกว่า
อีกหนึ่งปัจจัยที่อาจสร้างแรงกดดันคือ ผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบ Proof-of-Stake ของอีเธอเรียมที่มีผลต่อการลดอุปทานต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยปัจจุบันอัตราการเพิ่มขึ้นของอุปทาน ETH อยู่เกือบ 0% ทำให้สภาพคล่องโดยรวมของตลาดยังคงสูง
ออเรลี บาร์เธร์(Aurelie Barthere) นักวิเคราะห์จาก Nansen กล่าวว่า “หากอีเธอเรียมต้องการทะลุ 4,000 ดอลลาร์ มันจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับการเติบโตของบล็อกเชน Layer 1 อื่นๆ และต้องจัดการกับปัจจัยด้านกฎระเบียบให้ดีขึ้น”
ความคิดเห็น 0