ข่าวปลอมเรื่องภาษีทรัมป์ ทำตลาดคริปโต-หุ้นพุ่ง ก่อนร่วงแรงหลังทำเนียบขาวปฏิเสธ

กระแสข่าวลวงที่อ้างว่า *ทรัมป์* เตรียม ‘เลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ยกเว้นจีน เป็นเวลา 90 วัน’ สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อ *ตลาดการเงิน* อย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 7 เมษายน โดยทันทีที่ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัด ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นและ *ตลาดคริปโต* พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ก่อนที่ต่อมาจะมีการยืนยันว่าเป็น ‘ข่าวปลอม’

ต้นตอของข่าวเริ่มมาจากบัญชีผู้ใช้ X (อดีตชื่อทวิตเตอร์) ที่ใช้ชื่อว่า ‘วอลเตอร์ บลูมเบิร์ก(Walter Bloomberg)’ ซึ่งเป็นบัญชีที่ได้รับเครื่องหมายยืนยันตัวตน แต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท Bloomberg แต่อย่างใด ข้อความที่โพสต์ระบุว่า เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจของทรัมป์ ได้กล่าวถึงการพิจารณายกเว้นภาษี 90 วันสำหรับประเทศต่าง ๆ ยกเว้นจีน ข้อความดังกล่าวถูกแชร์ต่อในวงกว้าง พร้อมมีแบนเนอร์ข่าวจาก CNBC และรายงานของ Reuters ส่งผลให้ตลาดเกิดการตอบสนองอย่างทันที

ดัชนี S&P 500 กระโดดขึ้นถึง 8% จากระดับต่ำสุดของวัน ขณะที่แนสแด็กพุ่งขึ้น 9.5% ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง และดัชนีดาวโจนส์ก็ทะยานขึ้น 7% รวมมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นในวันนั้นนับเป็นระดับหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ *บิตคอยน์(BTC)* ก็ไม่ตกขบวน โดยทะยานขึ้นกว่า 6.5% จนทะลุระดับ 80,000 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงภายหลัง

ต่อมา *ทำเนียบขาว* ได้ออกแถลงการณ์ผ่านบัญชี "Rapid Response" ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าว ‘ไม่เป็นความจริง’ ตลาดจึงเริ่มย่อตัวและลบกำไรที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไปส่วนใหญ่

นักวิเคราะห์และผู้ให้ความเห็นหลายรายแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์นี้ว่า ชี้ให้เห็นถึงความ‘ไว’ของตลาดต่อข่าวสาร แม้จะเป็นเพียงข่าวลือ ลาร์ค เดวิส ยูทูบเบอร์สายคริปโตให้ความเห็นว่า “ข่าวลวงข่าวเดียวก็กระตุ้นตลาดให้เคลื่อนไหวอย่างรุนแรงได้” พร้อมเสริมว่า “หากมีข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศใหญ่อย่างอินเดีย แคนาดา หรือสหราชอาณาจักรจริง อาจทำให้กระแสเงินไหลเข้าตลาดอย่างมาก”

นอกจากนี้ บัญชีนักวิเคราะห์การลงทุนนามว่า ‘Geiger Capital’ ระบุว่า “ข่าวปลอมครั้งนี้อาจกลายเป็นเครื่องมือให้ทรัมป์รวมถึงที่ปรึกษาอย่าง ปีเตอร์ นาวาโร และฮาวเวิร์ด รูทนิก เร่งผลักดันแนวทางนโยบายใหม่ให้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม”

ในความเป็นจริง คำพูดของแฮสเซตต์เองไม่ได้สะท้อนใด ๆ เกี่ยวกับการเลื่อนภาษีโดยตรง เขาให้สัมภาษณ์กับ Fox News ว่า “สิ่งที่ประธานาธิบดีจะตัดสินใจนั้นย่อมขึ้นอยู่กับเขาเอง” พร้อมเสริมว่า “ผลกระทบจากการค้าระหว่างประเทศอาจไม่ได้มีน้ำหนักใหญ่ในจีดีพีของประเทศ”

ไม่นานหลังข่าวลวงถูกลบ *ทรัมป์* ได้โพสต์ข้อความลงในแพลตฟอร์ม Truth Social ของตนเอง เตือนจะใช้มาตรการภาษีที่เข้มข้นยิ่งกว่า โดยระบุว่า “หากจีนไม่ยุติการได้เปรียบด้านการค้าและผลประโยชน์เพิ่มเติมอีก 34% ภายในวันพรุ่งนี้ จะต้องเผชิญภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 50% ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายนเป็นต้นไป” ท่าทีของทรัมป์จุดกระแส‘ความไม่แน่นอน’ในตลาดอีกครั้ง และยืนยันว่าดีเอ็นเอการเจรจาการค้าของเขายังคงเน้นแนวทางแข็งกร้าวเช่นเดิม