ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
จีนอาจใช้การลดค่าเงินหยวนเพื่อตอบโต้แรงกดดันด้านภาษีจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำไปสู่การไหลเข้าของเงินทุนสู่ตลาดคริปโตอีกครั้ง รวมถึงบิตคอยน์(BTC) ตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญเมื่อเร็ว ๆ นี้
เมื่อวันที่ 8 อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิทเม็กซ์(BitMEX) แสดงความเห็นผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “หากไม่ใช่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ก็จะเป็นธนาคารกลางจีน(PBOC) ที่จุดชนวนกระทิงรอบใหม่ของตลาดคริปโต” โดยเขาคาดว่า หากธนาคารกลางจีนมีการลดค่าเงินหยวนอีกครั้ง จะเกิดกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายออกจากประเทศ และบิตคอยน์คือหนึ่งในจุดหมายหลักของเงินเหล่านั้น เขายังชี้ว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้เคยเกิดมาแล้วในปี 2013 และ 2015 และอาจเกิดซ้ำในปี 2025
เบน โจว(Ben Zhou) ซีอีโอของไบแรนซ์(Bybit) ก็ให้ความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า จีนอาจตั้งใจลดค่าเงินหยวนเพื่อตอบโต้มาตรการภาษีจากสหรัฐ และมักจะเห็นเม็ดเงินจากจีนไหลเข้าสู่บิตคอยน์ทุกครั้งที่หยวนอ่อนค่าลง
ในอดีต เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2015 รัฐบาลจีนได้ลดค่าเงินหยวนลงราว 2% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลดในวันเดียวที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งในช่วงเวลานั้น ราคาบิตคอยน์ปรับตัวขึ้น แม้จะยังไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์โดยตรงได้ แต่กรณีคล้ายกันเกิดขึ้นอีกในเดือนสิงหาคม 2019 เมื่อเงินหยวนลดลงต่ำกว่าจุดอ้างอิงที่อัตรา 7:1 ต่อดอลลาร์ ภายในสัปดาห์เดียว บิตคอยน์ปรับตัวขึ้นกว่า 20% สร้างความสนใจต่อบทบาทของบิตคอยน์ในฐานะ ‘สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง’ และเครื่องมือในการหลีกเลี่ยงการควบคุมเงินทุนของรัฐบาลจีน
บริษัทจัดการสินทรัพย์เกรสเกล(Grayscale) รายงานในตอนนั้นว่า การอ่อนค่าของหยวนเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่หนุนราคาบิตคอยน์ให้สูงขึ้น และหากพิจารณาจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา การที่จีนตอบโต้ด้วยการลดค่าเงินหยวนในรอบนี้ ก็อาจจุดชนวนตลาดกระทิงในคริปโตได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางส่วนยังชี้ว่า ชาวจีนผู้มีฐานะนิยมถือครองคริปโตอย่างบิตคอยน์เพื่อรักษามูลค่าทรัพย์สิน ในขณะที่พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงการควบคุมเงินทุนจากรัฐบาล และหลบหนีข้อจำกัดในการโอนเงินออกนอกประเทศ หากความเชื่อมั่นต่อธนาคารกลางจีนลดลง ประกอบกับหยวนที่อ่อนค่า อาจเป็นปัจจัยเร่งให้คนไทยหันมาใช้สินทรัพย์แบบ ‘ไร้ศูนย์กลาง’ มากยิ่งขึ้น
ด้านความเคลื่อนไหวทางการเมือง ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ทรัมป์ประกาศว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะเพิ่มมาตรการภาษีต่อสินค้าจากจีนอีก ส่งผลให้สถานการณ์การค้าระหว่างสองประเทศตึงเครียดยิ่งขึ้น รัฐบาลจีนโดยกระทรวงพาณิชย์ตอบโต้ทันทีว่า “จะต่อสู้จนถึงที่สุด” พร้อมขู่กลับด้วยมาตรการที่เหมาะสมเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ท่าทีแข็งกร้าวทั้งสองฝ่ายอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าทางเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งจะส่งแรงกระเพื่อมมายังตลาดคริปโตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคิดเห็น 0