ประธานาธิบดีอาร์เจนตินาถูกสอบกรณีโปรโมทเหรียญลิเบรา(LIBRA) คาดเข้าข่ายคริปโตหลอกลวง

สภาผู้แทนราษฎรของอาร์เจนตินาได้เริ่มการสอบสวนอย่างเป็นทางการต่อกรณีที่ประธานาธิบดีฮาเบียร์ มิเลย์ ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการโปรโมท ‘เหรียญลิเบรา(LIBRA)’ ซึ่งถูกมองว่าเป็น *คริปโตหลอกลวง* และสร้างความเสียหายแก่ผู้ลงทุนจำนวนมาก โดยคาดว่าอาจนำไปสู่การดำเนินคดีในภายหลัง

เมื่อวันที่ 8 ตามรายงานของ Buenos Aires Times มีสมาชิกรัฐสภา 128 คนลงมติเห็นชอบให้เริ่มการสอบสวน ขณะที่มีผู้ไม่เห็นด้วย 93 คน และงดออกเสียง 7 คน แม้ก่อนหน้านี้วุฒิสภาจะปัดตกญัตติในเรื่องเดียวกัน แต่อย่างไรก็ตามมตินี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศทางการเมืองในประเทศ

ต้นตอของคดีมาจากการที่มิเลย์ใช้สื่อสังคมออนไลน์โปรโมทเหรียญลิเบรา โดยอาศัยสถานะความเป็นประธานาธิบดี แนะนำคริปโตให้กับผู้ติดตามกว่า 3.8 ล้านคน ทำให้เหรียญดังกล่าวพุ่งทะยานถึงมูลค่า 5 ดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าตลาดแตะ 4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.84 แสนล้านบาท) ในเวลาอันรวดเร็ว

อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากนั้น เหรียญลิเบราถูกเปิดโปงว่าเป็น *แผนหลอกลวงแบบถอนทุน (Rug pull)* ส่งผลให้ผู้ลงทุนหลายหมื่นรายประสบความเสียหาย กลุ่มภาคประชาสังคมรวมถึงองค์กรคุ้มครองสิทธิในเมือง ได้ออกมาโจมตีว่ามิเลย์อาจเกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้ร่วมดำเนินการแผนการนี้ ซึ่งอาจเข้าข่ายฉ้อโกงและอาชญากรรมเชิงองค์กร โดยเฉพาะคลาวดิโอ โลซาโน นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติ ได้ยื่นฟ้องร้องโดยตรงต่อประธานาธิบดี

ในวันเดียวกันนั้น ทรัมป์ได้ประกาศมาตรการ *ภาษีนำเข้าใหม่* ที่อาจส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมการขุดบิตคอยน์(BTC) ของสหรัฐอเมริกาอย่างรุนแรง ยารัน เมลเลอรุด ซีอีโอของ Hashlabs มองว่าการขึ้นภาษีครั้งนี้อาจเป็น *โอกาสสำคัญ* สำหรับกลุ่มผู้ขุดเหรียญนอกสหรัฐ

เมลเลอรุดให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า “หากบริษัทผู้ผลิตเครื่องขุดลดราคาสินค้าเพราะความต้องการจากสหรัฐชะลอตัว ผู้ขุดในตลาดต่างประเทศก็จะสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ในราคาย่อมเยา เพิ่มอัตราการครองแฮชเรตได้” และเสริมว่า นโยบายของทรัมป์อาจบั่นทอน *เสถียรภาพของการลงทุนในอุตสาหกรรมขุดเหรียญ* ภายในสหรัฐอย่างยาวนาน

ทั้งนี้ ผู้ผลิตเครื่องขุดคริปโตรายใหญ่ของโลกอย่างบิทเมน(Bitmain), ไมโครบีที(MicroBT) และคานาน(Canaan) เคยย้ายฐานการผลิตไปยังไทย, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เพื่อลดผลกระทบจากภาษี 25% ที่ทรัมป์เคยใช้กับสินค้าจีนเมื่อปี 2018 แต่รอบนี้มาตรการใหม่จะ *ครอบคลุมประเทศเหล่านี้ด้วย* ซึ่งคาดว่าจะพลิกเกมในห่วงโซ่อุปทานโลกอีกครั้ง

ด้าน *ไบแนนซ์(Binance)* แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกาศว่าในวันที่ 16 เมษายน จะมีการ *ถอดถอน (Delist)* เหรียญ 14 รายการออกจากแพลตฟอร์ม เป็นผลจากการใช้ระบบใหม่ที่เปิดให้ *ชุมชนร่วมโหวต* เพื่อลดจำนวนโปรเจกต์ที่ไม่มีคุณภาพหรือไม่มีความเคลื่อนไหว

ไบแนนซ์เปิดเผยว่าได้ใช้หลายเกณฑ์ประกอบการพิจารณา อาทิ ความเคลื่อนไหวของทีมพัฒนา, ปริมาณซื้อขายและสภาพคล่อง, ความเสถียรของเครือข่าย, การตอบสนองต่อการตรวจสอบของไบแนนซ์ และการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎหมาย โดยรายชื่อเหรียญที่ถูกลบได้แก่ BADGER, BAL, BETA, CREAM, CTXF, ELF, FIRO, HARD, NULS, PROS, SNT, TROY, UFT และ VIDT รวมทั้งสิ้น 14 เหรียญ

ทางแพลตฟอร์มระบุว่า หากโปรเจกต์ไม่ผ่านเกณฑ์พื้นฐาน และมีความเสี่ยงต่อผู้ใช้ ก็จะมีการหารือร่วมกับชุมชนเพื่อดำเนินการถอดถอนเหรียญดังกล่าว การดำเนินการนี้มีเป้าหมายเพื่อ *สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้* และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของสินทรัพย์ที่ให้บริการบนแพลตฟอร์ม