ตลาดบิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มราคา นักลงทุนจึงมีทั้งความคาดหวังและความกังวลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต
นับตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บิตคอยน์เคลื่อนไหวในกรอบแคบและยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน บรรดาเทรดเดอร์ต่างชี้ให้เห็นว่าสภาพคล่องในตลาดยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ความผันผวนอาจเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนคาดการณ์ว่าสัปดาห์นี้ รายงาน ‘ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)’ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของราคา
นอกจากนี้ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีกำหนดเข้าให้คำให้การต่อสภาคองเกรส ซึ่งนักลงทุนหวังว่าจะได้รับสัญญาณเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ย ล่าสุดข้อมูลจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เมื่อเดือนมีนาคมบ่งชี้ว่าความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลดลงอย่างมาก โดยข้อมูลจาก CME Group's FedWatch Tool ระบุว่าความเป็นไปได้ในการลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่เพียง 6.5% ซึ่งต่ำกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้
อีกประเด็นที่ได้รับความสนใจคือพฤติกรรมของนักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ ในตลาดบิตคอยน์ ข้อมูลจาก Glassnode บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชนเผยว่าขณะที่นักลงทุนรายย่อยยังคงซื้อเพิ่ม แต่วาฬกลับเทขายตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา โดยปริมาณการขายของวาฬปัจจุบันสูงกว่าค่าเฉลี่ยรายปีถึง 9 เท่า หรือประมาณ 32,500 BTC
นโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ประกาศล่าสุดยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันตลาด โดยสหรัฐฯ มีแผนเพิ่มภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากประเทศคู่ค้า ทำให้ราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่บิตคอยน์กลับยังไม่มีการตอบสนองในทิศทางเดียวกัน นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าตลาดคริปโทยังคงอยู่ในสถานะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและรอปัจจัยใหม่
แม้จะมีความกังวล แต่ยังคงมีนักลงทุนที่มองตลาดในแง่บวก บิล บาร์ฮิต ซีอีโอของ Abra เชื่อว่าปีนี้บิตคอยน์อาจทะยานแตะ 700,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 10.15 ล้านบาท) โดยให้เหตุผลว่านโยบายคุมเข้มของเฟดอาจสิ้นสุดลง และหากแนวโน้มเป็นไปตามคาดการณ์ เป้าหมายราคาของเขาอยู่ที่ 350,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.075 ล้านบาท) สำหรับบิตคอยน์ และ 16,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.32 แสนบาท) สำหรับอีเธอเรียม(ETH)
โดยรวมแล้ว ตลาดคริปโทในปีนี้ยังคงได้รับอิทธิพลจากนโยบายเศรษฐกิจมหภาคและสภาพคล่อง การเคลื่อนไหวของดัชนี CPI และแนวทางของเฟดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางราคาที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ความคิดเห็น 0