3iQ เปิดตัว ETF โซลานา(SOL) แบบสเตกกิ้งรายแรกของแคนาดา คาดผลตอบแทนสูงสุด 8%

บริษัทรายใหญ่ด้านการจัดการสินทรัพย์ของแคนาดา 3iQ ได้เปิดตัวกองทุนรวมอีทีเอฟแบบสเตกกิ้ง ‘โซลานา(SOL)’ โดยมีบริษัทโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนอย่าง ‘ฟิกเมนต์(Figment)’ มาเป็นพาร์ตเนอร์ด้านการให้บริการสเตกกิ้งอย่างเป็นทางการ การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนถึง ‘จุดยืนเชิงรุก’ ของแคนาดาในตลาดผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี

กองทุนดังกล่าวจะจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตรอนโตภายใต้ชื่อย่อตราสารว่า ‘SOLQ’ เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 เมษายนนี้ โดยฟิกเมนต์จะรับหน้าที่จัดสรรระบบสเตกกิ้งสำหรับโซลานาให้กับนักลงทุนสถาบัน ปัจจุบันฟิกเมนต์ให้บริการกับลูกค้ากว่า 700 ราย ด้านการอนุมัติการเปิดตัวอีทีเอฟในครั้งนี้ได้รับไฟเขียวจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ออนแทรีโอ(OSC) ขณะเดียวกันบริษัทรายอื่น เช่น เพอร์โพส (Purpose), อีโวลฟ์ (Evolve) และ ซีไอ (CI) ต่างก็กำลังพัฒนาอีทีเอฟแบบเดียวกันที่อิงกับโซลานา

ที่น่าสนใจคือ อีทีเอฟโซลานาเหล่านี้ได้รับอนุญาตให้ทำการสเตกกิ้ง SOL ผ่านธนาคาร Toronto Dominion (TD) ซึ่งนับเป็นความร่วมมือครั้งแรกระหว่างธนาคารเชิงพาณิชย์สัญชาติแคนาดากับระบบนิเวศคริปโต ธนาคาร TD ยังถือว่าเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับสองของประเทศตามเกณฑ์สินทรัพย์รวม

3iQ คาดการณ์ว่าผลตอบแทนประจำปีของกองทุนอีทีเอฟนี้จะอยู่ราว 6% ถึง 8% โดยระบุว่าสิ่งนี้นับเป็นครั้งแรกในแคนาดาที่มีการให้บริการผลตอบแทนจากการสเตกกิ้งภายใต้กรอบกฎหมายอย่างเป็นทางการบนสินทรัพย์ดิจิทัล ‘โซลานา’

ทั้งนี้ 3iQ เป็นที่รู้จักในฐานะบริษัทที่ออกกองทุนอีทีเอฟบิตคอยน์(BTC) แบบสปอตรายแรกของแคนาดาตั้งแต่ปี 2021 โดยกองทุนนั้นสามารถทะลุยอดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 14,600 พันล้านบาท) ภายในเวลาไม่นาน ต่อมาในเดือนตุลาคม 2023 บริษัทได้เปิดตัวอีทีเอฟอีเธอเรียม(ETH) แบบสปอต ซึ่งมีฟีเจอร์สเตกกิ้งเช่นกัน ถือเป็นการเดินหน้าเข้าสู่ตลาดที่เร็วกว่าสหรัฐ

ในขณะเดียวกันฝั่งสหรัฐอเมริกายังคงมีความล่าช้าในด้านนโยบายเกี่ยวกับอีทีเอฟคริปโต โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) เพิ่งเลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการเพิ่มระบบสเตกกิ้งให้กับกองทุน ETH ETF ของเกรย์สเกล แต่เริ่มมีการคาดการณ์ว่า SEC อาจจะอนุมัติการซื้อขายออปชันของ ETH เร็วๆ นี้ และอาจตามมาด้วยการอนุญาตให้สเตกกิ้งด้วย ซึ่งสอดคล้องกับจุดยืนสนับสนุนคริปโตของทรัมป์ที่อาจเปลี่ยนแปลงทิศทางของกฎระเบียบในสหรัฐในอนาคต