DeepSeek เขย่าตลาดคริปโต! ความกังวลด้านความปลอดภัยฉุดบิตคอยน์(BTC)และหุ้นเทคโนโลยีดิ่ง

โมเดล AI ราคาถูกขั้นสุด ‘ดีปซีค(DeepSeek)’ เขย่าวงการเทคโนโลยีทั่วโลกและตลาดคริปโต หลังเปิดตัวแชตบอตประสิทธิภาพสูงรุ่น R1 ที่แม้จะมีต้นทุนพัฒนาเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับโอเพนเอไอ(OpenAI) แต่กลับถูกตั้งคำถามด้านการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้และประเด็นการควบคุมความปลอดภัย

การมาของดีปซีคไม่ได้เพียงสร้างความตื่นตะลึงในแวดวงเทคโนโลยี แต่ยังส่งผลทางจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นของตลาดโดยรวม รายงานล่าสุดจากซิสโก้(Cisco) ระบุว่า R1 ล้มเหลวในการตรวจจับคำถามประสงค์ร้ายได้ 100% สะท้อนให้เห็นถึงการเลือกให้ ‘นวัตกรรม’ มีความสำคัญเหนือกว่า ‘ความปลอดภัยของผู้ใช้’ ซึ่งสร้างความกังวลอย่างมากในแวดวงอุตสาหกรรม ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายชี้ว่าโมเดลราคาถูกแต่ประสิทธิภาพสูงเช่นนี้อาจแลกมาด้วยความเสี่ยงในด้าน ‘ความมั่นคงของข้อมูล’

อีกประเด็นที่กระตุ้นความไม่สบายใจคือ การที่ข้อมูลของโมเดลถูกเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ภายในจีน ซึ่งตามกฎหมายในประเทศดังกล่าว ธุรกิจท้องถิ่นจำเป็นต้องให้ข้อมูลกับรัฐบาลเมื่อร้องขอ นั่นหมายความว่าข้อมูลผู้บริโภคในสหรัฐฯ มีความเสี่ยงในการถูกเปิดเผยอย่างมาก โอเพนเอไอเองยังได้ยื่นจดหมายต่อรัฐบาลความยาว 15 หน้าระบุว่าดีปซีคกำลังคุกคาม ‘ความเป็นผู้นำด้าน AI’ ของสหรัฐฯ ในระดับโครงสร้าง

กระแสหวาดหวั่นนี้ยังส่งผลต่อหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก โดยเอ็นวีเดีย(Nvidia) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ มีมูลค่าลดลงเกือบ 17% ภายในวันเดียว สร้างความเสียหายมูลค่าสูงนับหลายแสนล้านดอลลาร์ พร้อมจุดประกายให้เหล่านักลงทุนเริ่มประเมินต้นทุนการพัฒนา AI กันใหม่อีกครั้ง ความผันผวนที่ตามมาแผ่ขยายเข้าสู่ตลาดคริปโตด้วยเช่นกัน

บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ภายในช่วงสั้น ๆ ขณะที่ความสัมพันธ์กับดัชนีแนสแด็กในช่วง 6 เดือนล่าสุดเพิ่มขึ้นแตะ 0.5 สะท้อนว่าเหรียญคริปโตยังคงเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นด้านเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นของบริษัทขุดบิตคอยน์ที่วางแผนลงทุนด้านเซิร์ฟเวอร์ AI ตกลงถึง 13–18% ซึ่งยิ่งตอกย้ำความกังวลในหมู่นักลงทุน

ในอีกด้านหนึ่ง ‘เหรียญ AI ปลอม’ ที่อ้างชื่อดีปซีคเริ่มปรากฏบนกระดานเทรดแบบไร้ศูนย์กลาง (DEX) เปิดช่องให้นักลงทุนหน้าใหม่ตกเป็นเหยื่อของแผนการหลอกลวงคลาสสิกอย่าง ‘ปั่นราคาและทิ้งเหรียญ’ หรือ ‘รูดพรม (Rug Pull)’ ซึ่งเป็นพฤติกรรมหลอกลวงที่พบได้บ่อยในวงการคริปโต

ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ยังระบุว่า แอป R1 บน iOS ใช้อัลกอริธึมการเข้ารหัสที่ล้าสมัย ทำให้ ‘มีความเสี่ยงในการถูกโจมตี’ และในระดับชาติ อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลในวงกว้าง ความพยายาม ‘ลดต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ’ อาจต้องชดใช้ด้วย ‘ความน่าเชื่อถือระยะยาว’ ของระบบ

อนาคตสหรัฐฯ และหน่วยงานกำกับดูแลระหว่างประเทศอาจจำเป็นต้องยกระดับมาตรฐานการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น แม้บางฝ่ายมองว่าโมเดลราคาประหยัดเช่นดีปซีคสามารถเร่งประสิทธิภาพและการแข่งขันในระบบนิเวศ AI ได้ แต่ตราบใดที่ ‘จุดอ่อนเรื่องความปลอดภัย’ ยังไม่ได้รับการแก้ไข ระบบใด ๆ ก็ยากจะได้รับความเชื่อมั่นจากตลาด

สุดท้ายอนาคตของเทคโนโลยี AI จะขึ้นอยู่กับว่าเราจะ ‘บริหารจัดการความเสี่ยง’ ได้มากเพียงใด กรณีศึกษาของดีปซีคชี้ชัดว่า เบื้องหลังของความเร็วและราคาถูก ต้องมาพร้อมกับ ‘เกราะคุ้มครองที่เชื่อถือได้’ ตอนนี้ตลาดกำลังยืนอยู่บนทางแยกระหว่าง ‘เทคโนโลยีที่เร็วและเสียง่าย’ กับ ‘เทคโนโลยีที่ปลอดภัยแต่มาอย่างช้า’ ซึ่งการเลือกครั้งนี้อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมและคริปโตในช่วงหลายปีข้างหน้า