ผู้ร่วมก่อตั้ง HashFlare สารภาพโกงคริปโต 550 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ สั่งเดินทางออกนอกประเทศโดยสมัครใจ

ผู้ร่วมก่อตั้ง *HashFlare* ได้รับคำสั่ง ‘เดินทางออกจากประเทศโดยสมัครใจ’ จากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ ท่ามกลางข้อกังวลใหม่เกี่ยวกับทิศทางของคดีอาญาที่กำลังดำเนินอยู่

เมื่อวันที่ 11 เมษายน (เวลาท้องถิ่น) ตามเอกสารจากศาลแขวงวอชิงตันฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ระบุว่า เซอร์เก พอตาเปนโก(Sergei Potapenko) และอีวาน ทูโรจิน(Ivan Turogin) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท HashFlare ได้รับแจ้งจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ (DHS) ให้ ‘เดินทางออกนอกสหรัฐฯโดยสมัครใจ’

คำสั่งนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากอาจขัดแย้งกับคำสั่งจำกัดการเดินทางที่ออกโดยผู้พิพากษาโรเบิร์ต ลาสนิก ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการประกันตัวของทั้งสองคน เป็นไปได้ว่าคำสั่งเดินทางออกจากประเทศเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการขับไล่ต่างชาติขนาดใหญ่ภายใต้การนำของ *ประธานาธิบดีทรัมป์*

พอตาเปนโกและทูโรจิน สัญชาติเอสโตเนีย ได้ยอมรับสารภาพผิดในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทางอาญาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยยอมรับข้อตกลงกับทางการสหรัฐฯ จากการสอบสวนพบว่า ทั้งคู่ได้หลอกลวงประชาชนโดยอ้างว่าให้บริการขุดเหรียญคริปโตระหว่างปี 2015 ถึง 2019 ซึ่งไม่มีอยู่จริง และมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8,030 ล้านบาท)

นอกจากนี้ ในปี 2017 ทั้งสองคนยังเคยเปิดระดมทุนในโครงการธนาคารดิจิทัลชื่อว่า ‘โพลิบิอุส(Polybius)’ โดยมีผู้ลงทุนเข้าร่วมคิดเป็นเงินรวมประมาณ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 365 ล้านบาท) แต่จนถึงปัจจุบัน โครงการดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นจริง

ข้อขัดแย้งระหว่างคำสั่งศาลกับคำสั่งขับไล่ของกรมความมั่นคงทำให้เกิดคำถามว่า ศาลจะตัดสินทิศทางของคดีนี้อย่างไรต่อไป โดยฝ่ายกฎหมายของจำเลยกำลังพิจารณาอยู่ว่า คำขอเดินทางออกนอกประเทศจะส่งผลต่อกระบวนการพิจารณาคดีหลังจากการรับสารภาพหรือไม่

*ความคิดเห็น:* คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาเชิงซ้อนระหว่างกฎหมายอาญาและนโยบายการตรวจคนเข้าเมืองของสหรัฐฯ ที่อาจมีผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมที่กำลังดำเนินอยู่