แม้ *ไพคอยน์(PI)* จะปรับตัวขึ้นมากกว่า 3% แต่ก็ยังไม่สามารถทะลุด่าน *แนวต้านที่ 0.70 ดอลลาร์* ได้ ส่งผลให้ราคายังเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัด พร้อมความกังวลที่เพิ่มขึ้นก่อนที่ *จำนวนโทเคนเพิ่มเติม* จะถูกปลดล็อกออกสู่ตลาด
โดยในวันนี้มีโทเคน *ไพคอยน์* ประมาณ *5.8 ล้านเหรียญ* เตรียมถูกปลดล็อก และในช่วง 30 วันข้างหน้าจะมีโทเคนมากกว่า *223 ล้านเหรียญ* ทยอยเข้าสู่ระบบเพิ่มเติม การเพิ่มขึ้นของอุปทานในขณะที่ความต้องการไม่ได้แข็งแกร่งพอ อาจกดดันราคาลงมาอีก
*ไพคอยน์* ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ระดับ *0.66 ดอลลาร์* ซึ่งถือเป็น *แนวรับสำคัญ* สำหรับการรักษาโมเมนตัมขาขึ้น หากปิดราคาเหนือระดับนี้ได้ นักวิเคราะห์มองว่ามีโอกาสเห็นราคาทะลุ *1 ดอลลาร์* แต่หากแนวรับนี้แตกจากแรงขายหลังการปลดล็อก อาจทำให้ราคาลดลงต่อเนื่องอย่างเลี่ยงไม่ได้
นับตั้งแต่เริ่มทำการซื้อขายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา *ไพคอยน์* ได้เผชิญกับความผันผวนอย่างหนัก โดยเคยพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ *3 ดอลลาร์* ก่อนจะดิ่งลงมาเหลือเพียง *0.40 ดอลลาร์* ความผิดหวังในกลุ่มผู้เริ่มเข้าร่วมขุดตั้งแต่ปี 2019–2020 เริ่มชัดเจนขึ้นตามลำดับ
สาเหตุหลักที่กดดันราคาไพคอยน์มีดังนี้:
- *แรงขายหลังการปลดล็อก*: คล้ายกับโทเคนแอร์ดรอปอื่นๆ ราคาถูกเทกระจาดทันทีหลังเปิดขาย โดยเฉพาะ *ผู้ใช้งานในแอฟริกาและเอเชีย* ที่เร่งแปลงเหรียญเป็นเงินสด ทำให้เกิดแรงขายมหาศาล
- *อุปทานสูง*: ปัจจุบันมีโทเคนหมุนเวียนในตลาดกว่า *6.9 พันล้านเหรียญ* ขณะที่จำนวนโทเคนทั้งหมดถูกตั้งไว้สูงถึง *1 แสนล้านเหรียญ* เมื่อเทียบกับ *บิตคอยน์(BTC)* ซึ่งมีอุปทานจำกัดเพียง *21 ล้านเหรียญ* เป้าหมายราคาสูงระดับ *10 ดอลลาร์ หรือ 100 ดอลลาร์* จึงดูห่างไกลในช่วงนี้
- *การใช้งานจริงจำกัด*: แม้ไพคอยน์วางตัวเป็นโครงการที่ต้องการใช้เหรียญในการชำระเงินทั่วไป แต่พื้นที่ใช้งานจริงยังค่อนข้างน้อย ถึงแม้จะมีร้านค้าบางรายยอมรับเหรียญนี้ แต่การยอมรับยัง *ไม่แพร่หลาย* ทำให้ขาดแรงหนุนด้านความต้องการที่ยั่งยืน
*ความคิดเห็น:* ความเสี่ยงด้านอุปทานที่ไม่มีเพดานแน่นอนของไพคอยน์ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญในระยะกลาง ขณะที่ตลาดยังรอความชัดเจนจากทั้งฝั่งการใช้งานจริงและแผนควบคุมอัตราเงินเฟ้อของโทเคนนี้
ความคิดเห็น 0