บิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ต่างเคยทำสถิติราคาสูงสุดมาแล้วในอดีต แต่ในเวลานี้ คำถามที่นักลงทุนอยากรู้คือระหว่าง อีเธอเรียม(ETH) กับ ริปเปิล(XRP) ใครจะไปถึง ‘เป้าหมายราคาเชิงสัญลักษณ์’ ก่อนกัน? คำถามนี้ถูกนำไปสอบถามกับแชตบอต AI ชื่อดังอย่าง ChatGPT, Perplexity, Gemini และ Grok ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน
อีเธอเรียม(ETH) เคยพุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 5,000 ดอลลาร์ในปี 2021 ขณะที่ ริปเปิล(XRP) เคยแตะระดับสูงสุดที่ 3.4 ดอลลาร์ในเดือนมกราคม ปี 2018 และเพิ่งกลับมาใกล้ระดับดังกล่าวได้ในปีนี้ โดยหากต้องการแตะระดับเป้าหมายที่ 10 ดอลลาร์สำหรับ XRP และ 10,000 ดอลลาร์สำหรับ ETH ทั้งสองเหรียญจะต้องปรับตัวขึ้นราว 300% จากราคาปัจจุบัน
ทั้ง 4 AI แชตบอตต่างมีความเห็นตรงกันว่า ‘อีเธอเรียม’ มีโอกาสแตะระดับ 1 หมื่นดอลลาร์ได้ ‘ก่อน’ ริปเปิล ด้วยเหตุผลด้าน ‘แรงผลักดันจากระบบนิเวศ’, ‘นวัตกรรมทางเทคโนโลยี’ และ ‘การยอมรับในระดับสถาบัน’ โดยเฉพาะในด้านการเงินไร้ศูนย์กลาง(DeFi), โทเคนที่ไม่สามารถทดแทนได้(NFT), และการแปลงสินทรัพย์ในโลกจริงให้อยู่ในรูปของโทเคน (Real-World Asset Tokenization: RWA)
ChatGPT ชี้ถึงความต้องการจากภาคสถาบันที่แข็งแกร่งต่อเหรียญ ETH โดยเฉพาะการคาดหวังต่อกองทุน ETF ที่อิงกับอีเธอเรียม และการที่บริษัทขนาดใหญ่เริ่มถือ ETH ไว้เป็นเงินสำรองแทนบิตคอยน์ ตัวอย่างเช่นบริษัทด้านบริการหลักทรัพย์ในสหรัฐอย่าง Sharplink Gaming ที่เลือกถือ ETH เป็นสินทรัพย์สำรอง ถือเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ
ทาง Gemini เห็นด้วยกับแนวโน้มนี้ โดยระบุว่า "การที่อีเธอเรียมแตะระดับ 10,000 ดอลลาร์ในระยะกลางถึงยาวถือเป็นสิ่งที่มีความเป็นไปได้สูง" พร้อมชี้ว่า ‘ระบบนิเวศที่กว้างขวาง’, ‘ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี’ และ ‘การเข้าสู่ตลาดแบบถูกกฎหมาย’ เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
ในฝั่งของ XRP กลับได้รับมุมมองที่ ‘ระมัดระวัง’ มากกว่าในการขยับไปถึงระดับราคา 10 ดอลลาร์ แม้จะไม่ใช่เป้าหมายที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังต้องอาศัยเงื่อนไขบ่งชี้ที่ชัดเจนมากขึ้น AI อย่าง Gemini และ Grok กล่าวว่า ‘องค์ประกอบชี้ขาด’ สำหรับ XRP ได้แก่ ‘การได้ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ’, ‘การขยายการใช้งานจริงในด้านการโอนเงินข้ามพรมแดน’ และ ‘ความร่วมมือกับภาคธุรกิจแนวหน้า หรือการควบรวมกิจการสำคัญ’
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของริปเปิลในปีนี้คือ การเข้าซื้อบริษัทให้บริการนายหน้าระดับสถาบัน Hidden Road ด้วยมูลค่าสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในมุมมองของนักวิเคราะห์ ถือเป็นการลงทุนที่อาจวางรากฐานอนาคตของระบบนิเวศ XRP ในระยะยาว
นอกจากนี้ กระแสข่าวลือเรื่อง ‘การอนุมัติ ETF สำหรับ XRP’ จากสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐ (SEC) ที่อาจมีความเป็นไปได้สูงถึง 90% ก็ยิ่งเพิ่มความหวังว่ากองทุนนี้จะเป็นตัวดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันเข้าสู่เหรียญได้โดยตรง
สุดท้าย แม้จะเห็นได้ชัดว่า AI ทั้ง 4 รายเทคะแนนให้กับ ‘อีเธอเรียม’ แต่ทิศทางของตลาดคริปโตก็ยังต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกอีกมาก ทั้งด้าน ‘กฎระเบียบ’, ‘การยอมรับจากภาครัฐและเอกชน’, และ ‘ประสิทธิภาพการดำเนินงานของโครงการ’ ซึ่งล้วนเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดเส้นทางสู่เป้าหมายของคริปโตแต่ละเหรียญในอนาคต
ความคิดเห็น 0