รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศแบนตู้อัตโนมัติแลกคริปโตทั่วประเทศ พร้อมกำหนดวงเงินสูงสุดในการโอนเงินสดไปต่างประเทศ เพื่อควบคุมการฟอกเงินและปิดช่องทางการเงินของกลุ่มอาชญากรรม
เมื่อวันที่ 3 นิโคล แมกกี(Nicole McKee) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรมของนิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็นส่วนสำคัญของนโยบายควบคุมการฟอกเงินและการสนับสนุนเงินทุนแก่การก่อการร้าย (AML/CFT) โดยมีจุดเน้นที่ ‘การห้ามใช้ตู้คริปโต’ และ ‘การจำกัดวงเงินโอนเงินสดต่างประเทศไว้ที่ 5,000 ดอลลาร์นิวซีแลนด์’ หรือประมาณ 6.95 แสนบาท
แมกกีกล่าวในการแถลงข่าวว่า "รัฐบาลมีความตั้งใจจะปิดประตูไม่ให้กลุ่มอาชญากรรมสามารถนำเงินสดไปเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอย่างคริปโตได้" และชี้แจงว่า "เรามุ่งควบคุมเงินผิดกฎหมาย ไม่ได้ต้องการขัดขวางการดำเนินธุรกิจตามกฎหมาย"
ขณะเดียวกัน หน่วยวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของนิวซีแลนด์ (FIU) จะได้รับอำนาจการสังเกตและติดตามธุรกรรมมากขึ้น โดยสามารถเรียกดูข้อมูลของบุคคลที่ทำธุรกรรมน่าสงสัยจากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง มาตรการนี้ถูกมองว่าจะช่วยกระชับการสกัดกั้นธุรกรรมผิดกฎหมายให้ได้ผลยิ่งขึ้น
ในขณะนี้ รัฐสภาพิจารณาร่างกฎหมายสองฉบับที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน ซึ่งคาดว่าจะผ่านการรับรองภายในปีนี้ โดยแนวทางใหม่พยายามลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นสำหรับภาคธุรกิจ แต่ยังคงรักษามาตรฐานเดิมไว้ แมกกีให้ความเห็นว่า "ไม่ใช่การลดมาตรฐาน แต่เป็นการใช้เกณฑ์อย่างมีชั้นเชิงมากขึ้น"
รายงานของทางการที่ตีพิมพ์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาแสดงความกังวลว่า อาชญากรเริ่มใช้ตู้คริปโตเพื่อแปลงเงินสดเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างรวดเร็ว แล้วโอนออกนอกประเทศเพื่อจ่ายค่ายาเสพติดหรือธุรกรรมฉ้อโกงต่าง ๆ ข้อมูลโดยเว็บไซต์ติดตาม ‘Coin ATM Radar’ ระบุว่าปัจจุบันมีตู้คริปโตมากกว่า 220 แห่งในนิวซีแลนด์
ในยุคที่เทคโนโลยีถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินได้อย่างแนบเนียน รัฐบาลนิวซีแลนด์กำลังเดินหน้ารับมือกับอาชญากรรมผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างรัดกุม ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้รับการจับตามองจากหลากหลายประเทศว่าจะเป็นแรงผลักสำคัญให้เกิดกฎระเบียบลักษณะเดียวกันในระดับนานาชาติหรือไม่ ‘คำ’
ความคิดเห็น 0