บิตคอยน์(BTC) เริ่มบทบาทใหม่เป็นเครื่องมือเก็บมูลค่า ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐ

บิตคอยน์(BTC) กำลังเริ่มถูกยอมรับในฐานะ ‘เครื่องมือเก็บมูลค่า’ ท่ามกลางกระแสการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากสหรัฐ ตามการวิเคราะห์ล่าสุด ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าสถานการณ์นี้อาจส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์ดั้งเดิมและคริปโต

เมื่อวันที่ 25 เมษายน (เวลาท้องถิ่น) เกรก ชิโปลลาโร(Greg Cipollaro) หัวหน้าฝ่ายวิจัยระดับโลกของ บริษัทนิวยอร์กดิจิทัลอินเวสเมนต์กรุ๊ป(NYDIG) เปิดเผยในรายงานตลาดว่า "พฤติกรรมของบิตคอยน์ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 เมษายน มีความแตกต่างอย่างชัดเจน" ชิโปลลาโรระบุว่า "ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เราสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในพฤติกรรมของบิตคอยน์ แม้การแยกตัวออกจากสินทรัพย์เสี่ยงดั้งเดิมยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและไม่นิ่ง แต่สำหรับผู้ที่ติดตามตลาดคริปโตตลอด 24 ชั่วโมง การเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าชัดเจน"

นอกจากนี้ ชิโปลลาโรยังเน้นย้ำว่า "ตอนนี้บิตคอยน์ไม่ได้เคลื่อนไหวเหมือนเวอร์ชันเพิ่มเลเวอเรจของเบต้าในตลาดหุ้นสหรัฐอีกต่อไป แต่กำลังแสดงบทบาทในฐานะเครื่องมือเก็บมูลค่าที่ไม่ขึ้นกับรัฐ" โดยตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน บิตคอยน์พุ่งขึ้นแล้วกว่า 13% ในขณะที่ดัชนีหุ้นสหรัฐ เช่น ดัชนี S&P500 และดัชนีแนสแด็ก กลับปรับตัวลดลง อันเป็นผลจากความตึงเครียดทางการค้าระดับโลกที่เพิ่มขึ้น หลังประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า

เขายังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศนโยบายภาษี 'วันปลดปล่อย (Liberation Day)' เมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่กำหนดเก็บภาษีนำเข้าขั้นต่ำ 10% จากทุกประเทศ เงินดอลลาร์สหรัฐและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว ก็เริ่มมีแนวโน้มอ่อนตัวเช่นกัน

เงินทองคำและเงินสวิสฟรังก์ ยังคงทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยได้อย่างต่อเนื่อง โดยชิโปลลาโรประเมินว่า ตอนนี้บิตคอยน์กำลังได้รับการยอมรับในบทบาทเดียวกันในฐานะเครื่องมือเก็บมูลค่าที่ไม่พึ่งพารัฐ "ความคิดเห็น" นอกจากนี้ เขายังชี้ว่า ความผันผวนที่พุ่งสูงขึ้นในดัชนี VIX (ความผันผวนของตลาดหุ้น), ดัชนี CVIX (ความผันผวนของตลาดฟอเร็กซ์) และดัชนี MOVE (ความผันผวนของตลาดพันธบัตร) ยิ่งกระตุ้นให้นักลงทุนแสวงหาทรัพย์สินที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

การวิเคราะห์ครั้งนี้สะท้อนว่าบิตคอยน์อาจเริ่มเคลื่อนตัวอย่างเป็นอิสระจากสินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิม และหากแนวโน้มดังกล่าวยังดำเนินต่อไป อาจนำไปสู่การประเมินมูลค่าของบิตคอยน์ในรูปแบบใหม่ในอนาคต