โทเคนเซลซิอุส(CEL) พุ่ง 70% หลังอดีต CEO สารภาพผิดคดีฉ้อโกง จ่อถูกตัดสินโทษ 20 ปี

โทเคนของเซลซิอุสเน็ตเวิร์ก(CEL) พุ่งขึ้นกว่า 70% ภายในเวลา 24 ชั่วโมง หลังมีรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ขอให้ศาลลงโทษ ‘อเล็กซ์ มาชิกินสกี้’ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) ของเซลซิอุสด้วยโทษจำคุก 20 ปี ท่ามกลางความสนใจของนักลงทุนที่จับตาคดีใหญ่ในแวดวงคริปโต

เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) CEL พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.14 ดอลลาร์ และเคยขึ้นไปสูงสุดถึง 0.18 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 สัปดาห์ หลังจากที่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ราคาร่วงลงต่ำกว่า 0.06 ดอลลาร์

ตามรายงานของกระทรวงยุติธรรม มาชิกินสกี้ถูกกล่าวหาว่า "โกหกต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว" จนลูกค้าเซลซิอุสนับหมื่นรายสูญเงินรวมหลายพันล้านดอลลาร์ โดย DOJ ระบุว่า การกระทำของเขาสมควรได้รับโทษจำคุกในระยะเวลานาน

หน่วยงานดังกล่าวชี้ว่า มาชิกินสกี้บิดเบือนการดำเนินงานของเงินฝากจากลูกค้า โกหกเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัท และใช้เงินลูกค้าไปลงทุนในสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและข้อตกลงลับ อีกทั้งยังปั่นราคาของโทเคน CEL เพื่อเก็งกำไรส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม มาชิกินสกี้ยอมรับสารภาพผิดในข้อหาฉ้อโกงสินค้าและหลักทรัพย์ และระบุว่าเขาหลอกลูกค้าเกี่ยวกับโปรแกรม ‘รับผลตอบแทน’ ของเซลซิอุสเพื่อให้ได้เงินกว่า 48 ล้านดอลลาร์อย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยการพิจารณาตัดสินโทษจะมีขึ้นในวันที่ 8 พฤษภาคมนี้

ทั้งนี้ เซลซิอุสเริ่มมีปัญหาอย่างหนักในช่วงกลางปี 2022 โดยอ้าง "สภาวะตลาดที่รุนแรง" เป็นสาเหตุที่ต้องระงับการถอนเงินจากลูกค้า ก่อนจะยื่นคำร้องขอความคุ้มครองจากการล้มละลายในเวลาต่อมา ซึ่งเปิดเผยว่าบริษัทมีช่องว่างในงบดุลถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ และมีหนี้รวมจากลูกค้าสูงถึง 4.7 พันล้านดอลลาร์

ในเดือนพฤศจิกายน 2023 ศาลล้มละลายเขตใต้ของนิวยอร์กได้อนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของเซลซิอุสแล้ว โดยรวมถึงการจัดตั้งบริษัทขุดบิตคอยน์ใหม่ชื่อ ไอโอนิก ดิจิทัล ซึ่งจะเป็นของกลุ่มเจ้าหนี้ และตั้งแต่ต้นปีนี้ก็มีการเริ่มแจกจ่ายสินทรัพย์รวมกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ในรูปของเงินตราและคริปโตคืนให้แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ