บังค์(Bunq) เปิดตัว 'บังค์ คริปโต' บุกตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมรองรับคริปโตมากกว่า 300 รายการ

ธนาคารดิจิทัลอันดับ 2 ของยุโรปอย่าง บังค์(Bunq) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ได้เปิดตัวบริการใหม่ในชื่อ ‘บังค์ คริปโต(Bunq Crypto)’ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 29 โดยมุ่งเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลท่ามกลางกระแสความนิยมการลงทุนคริปโตของผู้บริโภคทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยภายในแอปพลิเคชันของบังค์ ผู้ใช้งานสามารถลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลกว่า 300 รายการ รวมถึง *บิตคอยน์(BTC)*, *อีเธอเรียม(ETH)* และ *โซลานา(SOL)*

บริการดังกล่าวเริ่มเปิดให้ใช้งานใน 6 ประเทศ ได้แก่ เนเธอร์แลนด์, ฝรั่งเศส, สเปน, ไอร์แลนด์, อิตาลี และเบลเยียม โดยพัฒนาขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับกระดานเทรด *คราเคน(Kraken)* ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตแบบรวมศูนย์อันดับ 14 ของโลก ทั้งนี้ บังค์ยังมีแผนขยายบริการคริปโตไปยังเขตเศรษฐกิจยุโรปทั้งหมด รวมถึงตลาดใหญ่อย่างสหราชอาณาจักรและสหรัฐต่อไปในอนาคต

ปัจจุบัน บังค์มีฐานผู้ใช้งานมากถึง 12.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 3 ล้านคน การเปิดตัวบริการด้านคริปโตในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ *‘ซูเปอร์แอปทางการเงิน’* ที่รวมการออม, การชำระเงิน และการลงทุนไว้บนแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งแนวโน้มนี้กำลังได้รับความนิยมในแวดวงการเงินระดับโลก โดย *ไบรอัน อาร์มสตรอง(Brian Armstrong)* ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ *คอยน์เบส(Coinbase)* ก็เคยโพสต์ผ่าน X เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า “ระบบการเงินในอนาคตจะมุ่งไปสู่โครงสร้างบัญชีเดียวสำหรับทุกกิจกรรมทางการเงิน”

จากผลสำรวจที่บังค์ว่าจ้างดำเนินการ พบว่าผู้บริโภคยุโรปราว 65% ต้องการแพลตฟอร์มที่สามารถจัดการธนาคาร, การออม และการลงทุนคริปโตได้ในที่เดียว อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากให้ความเห็นว่าบริการปัจจุบันยังขาดความปลอดภัยและความเรียบง่ายเพียงพอ โดยครึ่งหนึ่งกล่าวว่าพร้อมลงทุนในคริปโต แต่ยังรู้สึกว่ามี ‘อุปสรรคในการเริ่มต้นใช้งาน’

*อาลี นิกนัม(Ali Niknam)* ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบังค์ กล่าวถึงการเปิดตัวนี้ว่า “เรารอคอยที่จะมอบรูปแบบการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทั้งสะดวกและปลอดภัยแก่ผู้ใช้ของเรา ตอนนี้เราสามารถรวมบริการทางการเงินทั้งหมดไว้ในแพลตฟอร์มเดียวได้แล้ว”

การขยายตัวของบังค์เข้าสู่ตลาดคริปโตในครั้งนี้ ยังเกิดขึ้นหลังจากที่ *รีโวลูท(Revolut)* ได้ขยายบริการซื้อขายคริปโตไปยัง 30 ประเทศในยุโรปเมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในหมู่ธนาคารดิจิทัลที่กำลังมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาคยุโรป