ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ตลาดบิตคอยน์(BTC) พบกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้น เมื่อวันที่ 1 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศแผนการเก็บภาษีสินค้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน ซึ่งส่งผลให้ราคาของบิตคอยน์เริ่มปรับตัวลดลง โดยเฉพาะเมื่อจีนตอบโต้ด้วยการประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่ม สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งสร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดมากยิ่งขึ้น
ในขณะที่มีการประกาศ บิตคอยน์มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 102,398 ดอลลาร์ แต่ในช่วงวันที่ 1-2 ราคาก็ปรับลดลง 4.64% อย่างไรก็ตาม เมื่อมีข่าวที่ชี้ว่าการเก็บภาษีจากแคนาดาและเม็กซิโกอาจถูกยกเลิก ความเชื่อมั่นของตลาดเริ่มฟื้นตัว ส่งผลให้บิตคอยน์ปรับขึ้น 3.75% ภายในเวลาเพียงวันเดียว และกลับมายืนเหนือระดับ 100,000 ดอลลาร์อีกครั้ง นอกจากนี้ ข่าวการยืนยันการจัดตั้งกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ(SWF) โดยประธานาธิบดีทรัมป์ยังช่วยสนับสนุนตลาดในช่วงสั้น ๆ แต่หลังจากที่จีนประกาศมาตรการตอบโต้ใหม่ ราคาของบิตคอยน์ก็ปรับตัวลดลงอีกครั้ง โดยร่วง 2.66% ภายในวันเดียว
ในด้านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโต นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ตลาดบิตคอยน์กำลังเข้าสู่กรอบการซื้อขายระยะสั้นใหม่ โดยแอกเซล แอดเลอร์ จูเนียร์ ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์ด้านคริปโต เคยให้ความเห็นว่า "อัตราการระดมทุนของบิตคอยน์กลับเข้าสู่ค่าเชิงลบ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นในตลาดขาขึ้น" อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดมีความผันผวนสูง นักลงทุนจึงควรพิจารณาด้วยความระมัดระวังต่อการเคลื่อนไหวในอนาคต
นอกจากนี้ วาระสำคัญที่ทุกฝ่ายจับตามองคือการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวในวันนี้ การประชุมครั้งนี้จัดโดยเดวิด แซกซ์ ผู้รับผิดชอบด้านนโยบายปัญญาประดิษฐ์และคริปโตของรัฐบาลทรัมป์ โดยมีหัวข้อสำคัญเกี่ยวกับกลยุทธ์เพื่อยกระดับสหรัฐฯ ให้เป็นผู้นำโลกด้านคริปโต การประชุมนี้ยังมีตัวแทนสำคัญจากวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรที่เกี่ยวข้องกับการเงินเข้าร่วมเพื่อเปิดเผยรายละเอียดนโยบายเกี่ยวกับทรัพย์สินดิจิทัลอีกด้วย
ความคิดเห็น 0