อินโดนีเซียสั่งระงับโครงการสแกนม่านตาเวิลด์คอยน์ หวั่นละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

อินโดนีเซียสั่ง *ระงับ* โครงการสแกนม่านตาของ *เวิลด์คอยน์* ชั่วคราวเมื่อวันที่ 4 ตามเวลาท้องถิ่น จากความกังวลเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน โดยกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารเผยว่า เป็นการดำเนินการเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

อเล็กซานเดอร์ ซาวาร์ อธิบดีกรมกำกับดูแลพื้นที่ดิจิทัลของอินโดนีเซียระบุว่า เป็น “มาตรการเชิงป้องกัน” เพื่อปกป้องประชาชนจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น พร้อมเผยว่าจะมีการเรียกสอบผู้ให้บริการในพื้นที่ ได้แก่ PT Terang Bulan Abadi และ PT Sandina Abadi Nusantara เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการทำงาน

ด้วยการสั่งระงับครั้งนี้ อินโดนีเซียจึงกลายเป็นอีกประเทศที่ออกมาตรการควบคุม *การใช้เทคโนโลยีสแกนม่านตาของเวิลด์คอยน์* ต่อจากเคนยา, ฮ่องกง, โปรตุเกส และสเปน ที่เคยสั่งระงับบริการคล้ายกันมาแล้วตั้งแต่ปี 2023 ท่ามกลางเสียงวิจารณ์เรื่อง *การละเมิดความเป็นส่วนตัวของข้อมูลชีวภาพ*

*เวิลด์คอยน์* ก่อตั้งโดยแซม อัลท์แมน(Sam Altman) ซีอีโอของ *โอเพนเอไอ* โดยมีเป้าหมายเพื่อยืนยันตัวตนมนุษย์ในยุคปัญญาประดิษฐ์ผ่านการสแกนม่านตา ผู้ใช้ที่สแกนม่านตาจะได้รับ *เวิลด์ ID* เพื่อใช้เข้าถึงบริการในระบบนิเวศคริปโตของเวิลด์คอยน์

แม้เวิลด์คอยน์จะเน้นย้ำว่าข้อมูลชีวภาพต่างๆ จะถูกเข้ารหัสและทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนได้ แต่หน่วยงานกำกับดูแลในหลายประเทศยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ด้านอัลท์แมนก็ยังเดินหน้าผลักดันโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าติดตั้ง *เครื่องสแกนม่านตาถึง 10,000 เครื่อง* ทั่วสหรัฐ และกำลังก่อสร้างโรงงานใหม่ในรัฐเทกซัส

เวิลด์คอยน์เชื่อว่า การยืนยันความเป็นมนุษย์จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของระบบการล็อกอิน อย่างไรก็ตาม การสั่งระงับของอินโดนีเซียล่าสุดได้จุดกระแสคำถามว่า วิสัยทัศน์ของอัลท์แมนจะ *สมดุลระหว่างนวัตกรรมและการปกป้องความเป็นส่วนตัว* ได้จริงหรือไม่ ทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่า *อาจมีประเทศอื่นเดินตามรอยอินโดนีเซียในเร็วๆ นี้*