เทเธอร์(USDT) ผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์ชั้นนำเลือกใช้ อาร์บิทรัม(Arbitrum) เป็นโครงสร้างพื้นฐานหลักสำหรับการทำงานข้ามบล็อกเชน
เมื่อวันที่ 11 เทเธอร์ประกาศอย่างเป็นทางการว่า อาร์บิทรัม วัน(Arbitrum One) จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยง USDT ที่ออกบนบล็อกเชนหลักอย่าง อีเธอเรียม(ETH), ทรอน(TRX), ตัน(TON) และ เซโล(CELO) ไปยัง USDT0 ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ข้ามบล็อกเชนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ เทเธอร์ยังมีแผนใช้เทคโนโลยี ‘Legacy Mesh’ ของอาร์บิทรัมเพื่อช่วยให้การโอน USDT ระหว่างเครือข่ายหลักเป็นไปอย่างราบรื่น
สตีเวน โกลด์เฟเดอร์(Steven Goldfeder) ซีอีโอของ ออฟเชน แลบส์(Offchain Labs) ผู้พัฒนาอาร์บิทรัม กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า “เทคโนโลยี Legacy Mesh ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงตลาดที่มีสภาพคล่องสูงได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงเครือข่ายบล็อกเชนที่ใช้งาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มการนำ USDT มาใช้และปรับปรุงการทำงานข้ามบล็อกเชนให้ดียิ่งขึ้น”
ในปัจจุบัน USDT ยังคงเป็นสเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยอยู่ที่ประมาณ 1.41 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ USDC ของ เซอร์เคิล(Circle) มีมูลค่าตลาดราว 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์ เทเธอร์ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสเตเบิลคอยน์ถึง 61% จากมูลค่ารวม 2.3 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ เทเธอร์ได้เปิดตัว USDT0 เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม โดยร่วมมือกับ เลเยอร์ซีโร่(LayerZero) ซึ่งการเปิดตัวครั้งแรกเกิดขึ้นบน อินค์(Ink) โซลูชันขยายเครือข่ายของกระดานเทรด คราเคน(Kraken)
แม้เทเธอร์จะขยายอิทธิพลในตลาด แต่ก็ยังเผชิญกับความท้าทายจากกฎระเบียบของสหภาพยุโรป รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้สเตเบิลคอยน์ที่เพิ่มขึ้นและโอกาสในการพัฒนาบริการโอนเงินข้ามประเทศแบบดั้งเดิมยังคงผลักดันให้เทเธอร์มีผลประกอบการแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา โดยบริษัททำกำไรสุทธิสูงถึง 13,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
ทั้งนี้ เทเธอร์ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่า 1.13 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2024 ซึ่งสูงกว่าปริมาณทุนสำรองระหว่างประเทศของ 17 ประเทศทั่วโลก ตลาดจึงคาดหวังว่าการร่วมมือกับอาร์บิทรัมจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องของเครือข่าย USDT ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0