ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ *LockBit* กลายเป็นเหยื่อของการโจมตีเสียเอง เมื่อมีแฮ็กเกอร์ไม่ทราบชื่อเจาะเข้าระบบผู้ดูแลเว็บไซต์ *ดาร์กเว็บ* ของกลุ่ม และเปิดเผยข้อมูลกระเป๋า *บิตคอยน์(BTC)* กว่า 60,000 รายการ
ตามรายงานจากแหล่งข่าวด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แฮ็กเกอร์ได้เจาะเข้าฐานข้อมูล *MySQL* ของ LockBit และเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดออกสู่สาธารณะ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึงซอร์สโค้ดของมัลแวร์ *แรนซัมแวร์* บันทึกการเจรจาต่อรองค่าไถ่ และรายการกระเป๋าเงินคริปโตที่เคยถูกใช้ในปฏิบัติการก่อนๆ โดยกลุ่มผู้ปล่อยข้อมูลได้ทิ้งข้อความไว้ว่า “อย่าก่ออาชญากรรม อาชญากรรมคือสิ่งเลวร้าย ส่งความรักและจูบจากปราก”
สมาชิกคนหนึ่งของ LockBit พยายามลดความรุนแรงของเหตุการณ์โดยอ้างว่า *คีย์ส่วนตัว* ยังไม่รั่วไหล อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแสดงความกังวล โดยชี้ว่ารูปแบบของกระเป๋าเงินที่รั่วไหลนั้นสอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินงานของ LockBit และนักวิเคราะห์บล็อกเชนได้เริ่มตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้แล้ว
ก่อนหน้านี้ LockBit ใช้เทคนิคการกำหนดที่อยู่บิตคอยน์แบบเฉพาะรายให้เหยื่อแต่ละราย เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามจากหน่วยงานปราบปราม แต่การเปิดเผยที่อยู่กว่า 60,000 รายการในครั้งนี้ กลายเป็นเบาะแสสำคัญที่อาจช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินและเชื่อมโยงไปยังตัวบุคคลได้ในอนาคต
สถานการณ์ความปลอดภัยในโลกคริปโตยังคงน่ากังวล *CertiK* รายงานว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายจากการแฮ็ก ฉ้อโกง และฟิชชิงในโลกคริปโตสูงถึง 364 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นอย่างมากจากเดือนมีนาคมที่มีเพียง 28.8 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ *Immunefi* ชี้ว่า เดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีเหตุการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยร้ายแรงที่สุดของปี
ด้าน *Chainalysis* รายงานว่าแฮ็กเกอร์จากเกาหลีเหนือได้ขโมยคริปโตไปแล้วกว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 เพียงปีเดียว รวมถึงเหตุการณ์การโจมตีที่แพลตฟอร์ม *Bybit* มูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์
ด้วยความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของเหตุการณ์เหล่านี้ ผู้นำ G7 วางแผนจะหยิบยกประเด็นความมั่นคงของคริปโตมาหารือในการประชุมสุดยอดที่แคนาดาในเดือนหน้า ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็กำหนดจัดประชุมลับร่วมกับบริษัทคริปโตรายใหญ่ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับ *DeFi*, ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และระบบธนาคารที่เกี่ยวข้อง
ความคิดเห็น 0