พาโอโล อาร์โดอิโน(Paolo Ardoino) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทเธอร์ ซึ่งเป็นผู้ออกเหรียญเทเธอร์(USDT) ยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีความคิดหรือแผนการที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แม้ว่าในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านี้ บริษัทคู่แข่งอย่างเซอร์เคิลจะเพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก(NYSE) ได้สำเร็จก็ตาม
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา อาร์โดอิโนระบุผ่านสื่อสังคมออนไลน์ของตนว่า "ไม่มีเหตุผลที่จะต้องนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์" พร้อมอ้างอิงถึงคำกล่าวของจอน มา(Jon Ma) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาร์ทีมิส ที่เคยประเมินมูลค่าของเทเธอร์หากเข้าตลาดเอาไว้ว่าอาจสูงถึง *5.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือประมาณ *716.85 ล้านล้านวอน* ซึ่งจะทำให้เทเธอร์กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดใหญ่อันดับ 19 ของโลก แซงหน้าบริษัทชื่อดังอย่างคอสต์โก($COST) และโคคาโคล่า($KO)
อาร์โดอิโนให้ความเห็นต่อประเด็นนี้ว่า “5.15 แสนล้านดอลลาร์ฟังดูเป็นตัวเลขที่ *สวยงาม* แต่ในความเป็นจริงอาจประเมินต่ำเกินไป” โดยเขาชี้ว่า การที่เทเธอร์ถือครองสินทรัพย์สำรองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปของ *บิตคอยน์(BTC)* และ *ทองคำ* อาจส่งผลให้มูลค่าจริงนั้นสูงกว่าที่ประเมินไว้
ไม่เพียงเท่านี้ ผู้สนับสนุนคริปโตชื่อดังอย่างแอนโทนี พอมพลิอาโน(Anthony Pompliano) และแจ็ค มัลเลอร์ส(Jack Mallers) ก็ได้แสดงความเห็นสนับสนุนว่าในอนาคต เทเธอร์อาจมีศักยภาพที่จะมีมูลค่าตลาดแตะระดับ *1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือราว *1,390 ล้านล้านวอน* ได้เลยทีเดียว ความเห็นนี้สะท้อนถึงศักยภาพของเทเธอร์ที่แม้จะเป็นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ แต่ก็มีขนาดสินทรัพย์และผลกำไรในระดับที่ทัดเทียมหรือเหนือกว่าบริษัทระดับโลกหลายแห่ง
ในขณะที่เซอร์เคิลเลือกจะเข้าสู่ตลาดและพัฒนาความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับหน่วยงานกำกับดูแล เทเธอร์กลับยึดมั่นในเส้นทางเดิมที่จะไม่เข้าจดทะเบียน พร้อมเสริมสร้างฐานทุนด้วย *สินทรัพย์แบบกระจายศูนย์* อย่างบิตคอยน์และทองคำ ซึ่งก็สะท้อนถึงแนวคิดการดำเนินงานแบบ *กระจายอำนาจ(DeFi)* ที่บริษัทเชื่อมั่นมาโดยตลอด
*ความคิดเห็น:* การเลือกไม่เข้าตลาดของเทเธอร์ในขณะที่หลายบริษัทเลือกเส้นทางสาธารณะ อาจสะท้อนการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อรักษาความเป็นอิสระในระบบการเงินแบบใหม่ที่กำลังก่อตัว โดยเฉพาะในยุคที่ *เสถียรภาพของสินทรัพย์ดิจิทัล* กลายเป็นปัจจัยสำคัญมากยิ่งขึ้น.
ความคิดเห็น 0