วิลเลียม ทิมมอนส์(William Timmons) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องให้เปิดเผยเอกสารลับเกี่ยวกับสถานะทางกฎหมายของอีเธอเรียม(ETH) ซึ่งเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรมคริปโตมาหลายปี โดยเฉพาะหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ หรือ SEC เปลี่ยนจุดยืนเรื่องว่า ETH ควรถูกจัดให้เป็น ‘หลักทรัพย์’ หรือไม่อยู่หลายครั้ง
เมื่อเร็วๆ นี้ ทิมมอนส์ได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงประธาน SEC พอล แอ็ตกินส์(Paul Atkins) เพื่อเรียกร้องให้เปิดเผยอีเมลภายใน รายงานการสอบสวนเกี่ยวกับ ETH 2.0 และเอกสารที่มีชื่อว่า ‘ETH – เป็นหลักทรัพย์หรือไม่’ ซึ่งมีการกล่าวถึงในกรณีของคอยน์เบส แต่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนมาก่อน
จุดเปลี่ยนสำคัญของประเด็นนี้ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 ที่วิลเลียม ฮินแมน(William Hinman) อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงินขององค์กรในขณะนั้น กล่าวไว้ว่า บิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ไม่ถือเป็นหลักทรัพย์ แต่หลังจากรัฐบาลโจ ไบเดนเข้ารับตำแหน่ง SEC กลับไม่แสดงจุดยืนที่ชัดเจนอีกต่อไป กลับเลือกที่จะใช้สำนวนที่คลุมเครือ ส่งผลให้ไม่เพียงแค่นักลงทุน แต่บริษัทด้านบล็อกเชนหลายแห่งก็ไม่สามารถวางแผนทางกฎหมายได้อย่างมั่นใจ
ทิมมอนส์ วิจารณ์ว่า “แนวทางของ SEC ที่ควบคุมตลาดด้วยการบังคับใช้กฎหมายโดยไม่มีความชัดเจน เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและสร้างความสับสนในตลาด” พร้อมระบุว่า ขณะนี้สภาคองเกรสกำลังพิจารณาร่างกฎหมาย ‘คลาริตี้’ (Clarity Act) ซึ่งชาวอเมริกันและอุตสาหกรรมคริปโตมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่โปร่งใส
หากเปิดเผยข้อมูลตามที่ทิมมอนส์ร้องขอ คาดว่าจะเผยให้เห็นถึงเกณฑ์ที่ SEC ใช้พิจารณาสถานะของอีเธอเรียม และเหตุผลเบื้องหลังการเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งอาจกลายเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการกำหนดทิศทางกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต *ความคิดเห็น*: การขาดความชัดเจนของหน่วยงานกำกับดูแลยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังที่ทำให้ผู้เล่นในตลาดขาดความเชื่อมั่น
ด้านผู้เชี่ยวชาญ อย่างเช่น ไมเคิล แลห์แมน(Michael Lehman) ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายฟินเทคในนิวยอร์ก เห็นพ้องว่า “ในขณะที่ตลาดไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากฎคืออะไร SEC กลับใช้วิธีออกกฎผ่านการฟ้องร้องมากกว่ากระบวนการนิติบัญญัติ”
การเคลื่อนไหวของทิมมอนส์อาจเป็นตัวเร่งให้ SEC ต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อร่างกฎหมาย ‘คลาริตี้’ กำลังเป็นประเด็นร้อนในเวทีนิติบัญญัติ และมาตรฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับอีเธอเรียมอาจเป็นก้าวสำคัญต่อกรอบกำกับคริปโตในสหรัฐฯ ทั้งหมดในอนาคต
ความคิดเห็น 0