การสเตกโทเคนโซลานา(SOL) เป็นวิธีที่นักลงทุนสามารถสร้างรายได้แบบ ‘พาสซีฟ’ ผ่านการรับรางวัล พร้อมกับมีส่วนร่วมในระบบบริหารจัดการของเครือข่ายไปพร้อมกัน ถึงแม้จะไม่มีข้อกำหนดขั้นต่ำที่เคร่งครัด แต่โดยทั่วไปแล้วการเริ่มต้นมักใช้โทเคนประมาณ 0.01 โซลานา การมีเพียงแค่กระเป๋าเงินที่รองรับโซลานาเท่านั้นก็เพียงพอสำหรับการเริ่มต้น ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ปลอดภัยและเหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเข้าสู่โลกคริปโต
โซลานาขึ้นชื่อเรื่องความเร็วในการประมวลผลที่สามารถรองรับธุรกรรมได้หลายพันรายการต่อวินาที และมีระบบนิเวศของแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp) ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นอีกข้อหนึ่งคือการรวมกลไกฉันทามติสองแบบเข้าด้วยกัน ได้แก่ *Proof of Stake (PoS)* และ *Proof of History (PoH)* ผู้ใช้สามารถฝากโซลานาลงในกระเป๋าเงินเพื่อเข้าร่วมการสเตก โดยผลตอบแทนที่ได้รับจะขึ้นอยู่กับปริมาณโทเคนที่ฝาก ระยะเวลาการสเตก ขนาดรวมของเครือข่าย และอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มลดลงทุกปี
นอกเหนือจากผลตอบแทนแล้ว ผู้ที่เข้าร่วมสเตกยังได้สิทธิการลงคะแนนในข้อเสนอของเครือข่ายอีกด้วย ซึ่งระบบนี้ออกแบบมาโดยมองว่า นักลงทุนรายใหญ่จะใช้สิทธินี้เพื่อผลักดันความมั่นคงและการเติบโตของเครือข่าย แต่อาจมีความเสี่ยงต่อความเป็น ‘กระจายอำนาจ’ หากกระเป๋าเงินบางรายมีสัดส่วนโทเคนที่มากเกินไป ซึ่งถือเป็นประเด็นที่นักวิเคราะห์บางรายมี ‘ความคิดเห็น’ ว่าควรจับตามอง
กระบวนการสเตกโซลานาจะทำผ่านการมอบหมายสิทธิ (Delegate) ให้ตัวตรวจสอบธุรกรรมในเครือข่าย (Validator) ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรม สร้างบล็อกใหม่ และลงคะแนนในข้อเสนอแทนผู้ใช้ ผู้ถือโทเคนที่มอบสิทธิจะถูกเรียกว่า ‘ผู้มอบหมาย (Delegator)’ และสิทธิในการลงคะแนนจะขึ้นอยู่กับปริมาณโทเคนที่มอบหมาย ดังนั้นการเลือก ‘ตัวตรวจสอบ’ ที่มีความน่าเชื่อถือจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
สำหรับมือใหม่ มีทางเลือก 2 แนวทางในการเริ่มสเตก ได้แก่ ‘สเตกแบบปกติ (Native Staking)’ และ ‘สเตกแบบมีสภาพคล่อง (Liquid Staking)’ โดยแบบแรกเป็นวิธีดั้งเดิมที่ต้องล็อกโทเคนไว้ในระยะหนึ่งเพื่อรับรางวัลและสิทธิมีส่วนร่วมในระบบบริหารจัดการ แต่หากต้องการใช้โทเคนอีกครั้งจะต้องผ่านกระบวนการยกเลิกการสเตก ส่วนแบบหลังจะได้รับโทเคนที่มีสภาพคล่อง (LST) ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับยอดสเตกและสามารถนำไปใช้ในบริการทางการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ได้ แบบลิควิดมีความยืดหยุ่นสูงกว่า แต่แบบเนทีฟเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เพิ่งเริ่มต้นเพราะใช้งานง่ายกว่า
ในสหรัฐอเมริกา รายได้จากการสเตกโซลานาถือเป็น *รายได้ที่ต้องเสียภาษี* โดยเสียภาษีเงินได้จากมูลค่าโทเคนในตอนที่ยกเลิกการสเตก และหากมีการขายหรือแลกเปลี่ยนโทเคนในภายหลัง ก็จะถูกเรียกเก็บ ‘ภาษีกำไรจากการขาย’ ด้วย การเตรียมตัวรับมือกับกฎเกณฑ์ด้านภาษีล่วงหน้าก่อนถึงปี 2025 จึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ
สำหรับการเริ่มต้น ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีกระเป๋าเงินที่รองรับโซลานา ซึ่งส่วนใหญ่รองรับฟีเจอร์การสเตกในตัว หนึ่งในกระเป๋าเงินที่ได้รับความนิยมคือ *แฟนทอม (Phantom)* มีจุดเด่นที่ติดตั้งง่ายและใช้งานสะดวก เหมาะกับมือใหม่ สามารถดาวน์โหลดได้ผ่านเว็บไซต์ทางการเพียงแค่คลิกเดียว
โดยสรุป การสเตกโซลานาเป็นแนวทางที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้มีส่วนร่วมทั้งในด้านผลกำไรและการพัฒนาเครือข่าย โครงการที่มีพื้นฐานทางเทคโนโลยีแข็งแกร่งอย่างโซลานาจึงถือว่าน่าสนใจจากมุมมองของการลงทุนระยะยาว
ความคิดเห็น 0