บริษัทคริปโตเร่งเดินเกม ผลักดันแนวทางกำกับสินทรัพย์ดิจิทัลต่อ SEC ของสหรัฐ
เมื่อวันที่ 17 บริษัทเฟร์มินต์(Fairmint) ผู้ให้บริการจัดการข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยว่าได้ยื่น ‘กรอบแนวทาง 7 ข้อ’ ต่อหน่วยงานเฉพาะกิจด้านคริปโต(Crypto Task Force) ของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) โดยชี้ให้เห็นถึงปัญหา ‘ระบบจัดการหลักทรัพย์ภาคเอกชนที่ล้าสมัย’ พร้อมข้อเสนอการปรับปรุงระบบให้มีการตรวจสอบแบบเรียลไทม์, การกำกับแบบรวมศูนย์ และการให้สิทธิผู้ลงทุนในการดูแลทรัพย์สินด้วยตนเอง
เฟร์มินต์ระบุว่ากรอบแนวทางดังกล่าวได้ถูกส่งถึงกรรมการพอล แอทกินส์(Paul Atkins) และผู้อำนวยการเฮสเตอร์ เพียร์ซ(Hester Peirce) ของ SEC โดยเน้นเรื่อง ‘การสร้างมาตรฐานโครงสร้างพื้นฐานร่วมกันแบบเปิด’ และการใช้ ‘บล็อกเชน’ เป็นกลไกในการตรวจสอบข้อมูลแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังเสนอให้เปิดพื้นที่ให้กับการทดลองระบบการเงินแบบไร้คนกลาง(DeFi) ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐ *คำสำคัญ* ที่เฟร์มินต์ให้ความสำคัญคือ ‘การยกระดับคุณสมบัตินักลงทุน’ จากเดิมที่ใช้เกณฑ์รายได้หรือทรัพย์สิน เปลี่ยนมาเป็น ‘ความรู้ความเข้าใจในการลงทุน’
ข้อเสนอทั้งหมดเกิดจากเป้าหมายในการเพิ่ม *ความโปร่งใสและประสิทธิภาพในตลาดหลักทรัพย์ภาคเอกชน* ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยอ้างอิงข้อมูลจาก S&P โกลบอล ตลาดดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 5.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2023 และคาดว่าจะทะลุ 6 ล้านล้านดอลลาร์ในสิ้นปี 2024 อย่างไรก็ตาม เฟร์มินต์วิจารณ์ว่าระบบปัจจุบันยังอิงการใช้ไฟล์ Excel และไม่มีความสามารถในการ ‘ชำระบัญชี’ ทั้งที่ต้องบริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนมหาศาล จึงเกิดต้นทุนการดำเนินการสูงและ ‘ไม่ทันสมัยเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์สาธารณะ’
โจริส เดอลานู(Joris Delanoue) ซีอีโอของเฟร์มินต์ กล่าวว่า “บริษัทภาคเอกชนยังคงบริหาร Cap Table หลายพันล้านด้วย Excel ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนมีโครงสร้างพื้นฐานที่ได้มาตรฐานอยู่แล้ว” พร้อมเตือนว่าความแตกต่างนี้กำลังสร้างแรงเสียดทานต่อระบบการลงทุนของประเทศ ซึ่งอาจทำให้เกิด *ช่องโหว่ด้านกำกับดูแลและการใช้เงินทุนในระบบเศรษฐกิจ*
ลูกค้ารายสำคัญของเฟร์มินต์มีทั้งบริษัท Privy ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานกระเป๋าเงินคริปโต และ Bloom Network แพลตฟอร์มโซเชียลขนาดท้องถิ่น
ในขณะเดียวกัน หน่วยงานเฉพาะกิจด้านคริปโตของ SEC ก็มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่งจัดงานประชุมหารือด้านนโยบายไปถึงสองรอบในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หัวข้อหลักคือ *การโทเค็นไรซ์(tokenization)* และ *การเงินแบบไร้คนกลาง (DeFi)* โดยมุ่งหาแนวทางผสานรูปแบบการเงินดั้งเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล
แนวโน้มการโทเค็นไรซ์ได้รับความสนใจในภาคการเงินด้วยเช่นกัน โดยล่าสุด โรบินฮูด(Robinhood) แพลตฟอร์มซื้อขายรายย่อยของสหรัฐ ได้เปิดเผยแผนเปิดเครือข่ายให้ผู้ใช้งานในยุโรปสามารถลงทุนในหุ้นจดทะเบียนของสหรัฐบนบล็อกเชนได้โดยตรง
วลาดิเมียร์ เทเนฟ(Vladimir Tenev) ซีอีโอของโรบินฮูด ระบุว่า “การโทเค็นไรซ์สินทรัพย์แบบไม่จดทะเบียน เช่น หุ้นภาคเอกชน เป็นเป้าหมายสำคัญลำดับถัดไปของบริษัท” ซึ่งยิ่งตอกย้ำว่า *แนวโน้มการเปลี่ยนผ่านสู่สินทรัพย์ดิจิทัล* กำลังรุกคืบเข้าสู่ภาคตลาดทุนภาคเอกชนอย่างจริงจังแล้ว
ความคิดเห็น 0