Pump.fun สะเทือนวงการ หลังบัญชีถูกแบนจาก X กระทบชุมชนมีมคอยน์บนโซลานา(SOL)

‘โซลานา(SOL)’ ถูกพูดถึงอีกครั้งหลังแพลตฟอร์ม *Pump.fun* ซึ่งเป็นลอนช์แพดสำหรับมีมคอยน์ กลายเป็นประเด็นร้อน หลังบัญชีทางการบนโซเชียลมีเดีย X ถูกระงับใช้งานโดยไม่มีคำอธิบายจากแพลตฟอร์ม X อย่างชัดเจน นอกจากบัญชีหลักของ *Pump.fun* ที่ถูกปิดกั้นแล้ว บัญชีของผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง ‘อาลอน’ และผู้ที่เกี่ยวข้องหลายรายก็ถูกระงับพร้อมกัน สร้างแรงสะเทือนให้กับชุมชนคริปโตอย่างมาก

แม้จะยังไม่มีคำแถลงอย่างเป็นทางการจาก X ถึงสาเหตุของการระงับบัญชีดังกล่าว แต่มีรายงานว่าการเข้าถึงผู้ใช้ผ่านเครื่องมือติดตามตลาดมืด และการใช้ API ภายนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจเป็นหนึ่งในประเด็นที่ทำให้บัญชีโดนดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการใช้ฟีเจอร์ไลฟ์สตรีมในทางที่ผิด รวมทั้งข้อสงสัยกรณี ‘ออโต้ล็อก’ ที่ถูกวิจารณ์ว่าคล้ายกับพฤติกรรมหลอกลวง ส่งผลให้หลายฝ่ายเชื่อว่าเหตุเหล่านี้รวมกันอาจเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่การระงับบัญชี

ก่อนเกิดเหตุ *Pump.fun* กำลังเตรียมเปิดตัวเหรียญของตัวเอง พร้อมแผนแจกจ่าย ‘แอร์ดรอป’ ให้กับผู้ใช้งานกลุ่มแรก อย่างไรก็ตาม การปิดบัญชีครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและโมเดลรายได้ของโครงการอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อมีข้อมูลว่า *Pump.fun* ได้ขายโซลานามูลค่าประมาณ 2 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,780 ล้านบาท) ไปตั้งแต่ช่วงต้นการพัฒนา จนสร้างความกังวลในเรื่อง ‘ความยั่งยืน’ ของรายได้โครงการ

ด้านกฎระเบียบ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) มีแนวโน้มเข้าควบคุมเหรียญประเภทมีมเพิ่มขึ้น ทำให้ *Pump.fun* อาจตกอยู่ในความเสี่ยง แต่ณ ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันว่า SEC เปิดการสอบสวนในกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตามการสั่งระงับบัญชีในครั้งนี้อาจส่งผลให้แผนเปิดขายโทเคนมูลค่าสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.39 แสนล้านบาท) และเป้าหมายการประเมินมูลค่าโครงการที่ตั้งไว้ 4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.56 แสนล้านบาท) ต้องหยุดชะงักหรือปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยยะสำคัญ

ความเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมชี้ให้เห็นว่า จุดอ่อนของ *Pump.fun* อาจกลายเป็นโอกาสสำหรับลอนช์แพดมีมคอยน์รายอื่น โดยเฉพาะโครงการที่กำลังจะเปิดตัวหรืออยู่ในช่วงขยายฐานผู้ใช้ใหม่ ซึ่งอาจใช้โอกาสนี้ในการดึงดูดความสนใจ ความเชื่อมั่นของผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มหลักอย่าง X จึงกลายเป็น *คำสำคัญ* ใหม่ในโลกคริปโต และเหตุการณ์ในครั้งนี้สะท้อนว่า *ความโปร่งใสด้านธรรมาภิบาล* และ *การปรับตัวให้สอดรับกฎระเบียบ* กำลังกลายเป็นปัจจัยชี้ขาดต่อการอยู่รอดของโครงการบล็อกเชนในปัจจุบัน