Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เจพีมอร์แกนยื่นจด ‘JPMD’ บุกตลาดสเตเบิลคอยน์ หวังยึดหัวหาดชำระเงินด้วยบล็อกเชน

เจพีมอร์แกนเชส(JPM) ธนาคารการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เดินหน้าบุกตลาดสเตเบิลคอยน์อย่างจริงจัง ด้วยการยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในชื่อ ‘JPMD’ กับสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐ (USPTO) โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันบริการชำระเงินแบบบล็อกเชนให้เป็นธุรกิจหลักในอนาคต ซึ่งสะท้อนการเปลี่ยนจุดยืนของธนาคาร จากที่เคยตั้งข้อสงสัยต่อเทคโนโลยีคริปโต มาสู่การปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่ในปัจจุบัน

จากข้อมูลในเอกสารการยื่นขอจดทะเบียน ระบุว่า JPMD จะถูกนำไปใช้กับบริการที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างครบวงจร ทั้งการซื้อขาย การแลกเปลี่ยน การโอนเงิน และการชำระเงิน ก่อนหน้านี้ เจพีมอร์แกนก็แสดงจุดยืนเปิดมากขึ้นต่อสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การอนุญาตให้ลูกค้าลงทุนในบิตคอยน์(BTC) ผ่านกองทุน ETF ซึ่งสะท้อนว่าธนาคารกำลังปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดการเงินสู่ยุคดิจิทัล และกำลังเร่งขยายโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ Web3

ขณะเดียวกัน สภาคองเกรสสหรัฐเตรียมลงมติรับรองร่างกฎหมายควบคุมสเตเบิลคอยน์ที่รู้จักกันในชื่อ ‘GENIUS Bill’ ในวันที่ 18 มิถุนายน (เวลาท้องถิ่น) หากกฎหมายดังกล่าวผ่านการอนุมัติ จะวางกรอบทางกฎหมายที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้สถาบันการเงินรายใหญ่เข้ามาลงทุนในตลาดนี้มากขึ้นอีก ตัวอย่างเช่น ธนาคารบีออฟเอและเวลส์ฟาร์โกเอง ก็กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการออกสเตเบิลคอยน์ของตัวเองเพื่อตอบโจทย์ระบบชำระเงินและการโอนเงินระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

การยื่นจดเครื่องหมายการค้าของเจพีมอร์แกนครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องสัญลักษณ์ แต่สะท้อนการขยับครั้งใหญ่ของธนาคารที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 5,564 ล้านล้านวอน หาก JPMD ถูกพัฒนาเป็นสเตเบิลคอยน์เต็มรูปแบบ อาจส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดคริปโตเพิ่มขึ้น และสร้างความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจริงได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ทั่วโลกเผชิญความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ เช่นในตะวันออกกลาง การถือครองสเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับเงินดอลลาร์ยังถูกมองว่าเป็น ‘ที่หลบภัยดิจิทัล’ ใหม่ของนักลงทุน

**ความคิดเห็น** ผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นพ้องกันว่า เมื่อกฎระเบียบมีความชัดเจนมากขึ้น การที่สถาบันใหญ่อย่างเจพีมอร์แกนเข้ามาร่วมวง จะช่วยเพิ่ม ‘ความน่าเชื่อถือ’ ให้กับระบบนิเวศคริปโตโดยรวมได้อย่างมาก ขณะที่ความมั่นคงของสเตเบิลคอยน์และการใช้งานจริงในวงกว้าง ยังอาจส่งผลดีต่อทั้งบิตคอยน์ และตลาดอัลต์คอยน์ในระยะยาวอีกด้วย

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความหลัก

คอยน์เบส(COIN) ถอด 4 เหรียญคริปโตฯ ชื่อดัง ฉุด SYN ดิ่งกว่า 15%

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1