อีเธอเรียม(ETH) กำลังส่งสัญญาณการฟื้นตัวอีกครั้ง โดยสัญญาณทางเทคนิคที่เรียกว่า ‘โกลเดน ครอส(Golden Cross)’ ใกล้จะเกิดขึ้น ซึ่งประวัติที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการเกิดของโกลเดน ครอสมักตามมาด้วยการพุ่งขึ้นของราคา จุดนี้สร้างความคาดหวังในหมู่นักลงทุนเป็นอย่างมาก
เท็ด พิลโลวส์(Ted Pillows) นักวิเคราะห์คริปโตคาดว่า เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเลขชี้กำลัง 50 วัน (EMA) ของอีเธอเรียมกำลังจะตัดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ซึ่งเป็น ‘สัญญาณ’ ที่มักตีความได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้น เขาชี้ว่าโครงสร้างกราฟในครั้งนี้คล้ายกับช่วงที่ราคาพุ่งขึ้นกว่า 35% ในเวลาไม่กี่สัปดาห์หลังโกลเดน ครอสครั้งก่อน โดยในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว อีเธอเรียมทะลุ 3,000 ดอลลาร์ (ราว 4.17 ล้านบาท) และวิ่งขึ้นต่อถึงระดับ 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.56 ล้านบาท)
นอกจากปัจจัยด้านเทคนิคแล้ว ปัจจัยพื้นฐานของอีเธอเรียมก็เริ่มยืนพื้นได้อย่างมั่นคงนับตั้งแต่ทะลุระดับ 2,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.78 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยล่าสุด ETH ยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับ 2,500 ดอลลาร์ (ราว 3.47 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็น ‘แนวรับสำคัญ’ เทรดเดอร์นามแฝง ‘Merlijn The Trader’ ให้ความเห็นว่าโครงสร้างตลาดในขณะนี้คล้ายกับช่วงตลาดกระทิงปี 2017 แต่ครั้งนี้มี ‘เม็ดเงินจากสถาบันการเงิน’ หนุนอยู่มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด พร้อมระบุว่า “การเพิ่มขึ้นรอบนี้ไม่ใช่การทำซ้ำ แต่เป็นการขยายประวัติศาสตร์”
ในปี 2025 ความต้องการซื้ออีเธอเรียมยังเห็นได้ชัดเจนผ่านตลาด ETF โดยเฉพาะกองทุนอ้างอิงราคาอีเธอเรียมในสหรัฐที่เพิ่งได้รับการอนุมัติ เช่น iShares Ethereum Trust ของบริษัทแบล็คร็อก ที่ในเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียว สะสมอีเธอเรียมมูลค่าราว 650 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9,035 ล้านบาท) ทั้งที่ยังไม่มีทางเลือกการสเตกกิ้ง
อีกความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจคือ การที่บริษัทสื่อของครอบครัวทรัมป์ได้ยื่นขออนุมัติ ETF ที่อ้างอิงทั้งอีเธอเรียมและบิตคอยน์ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการที่สะท้อนถึงการยอมรับของภาครัฐต่อสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ในระดับ ‘กองทุนสาธารณะ’
โจเซฟ ลูบิน(Joseph Lubin) ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียมและผู้ก่อตั้งบริษัท ConsenSys กล่าวว่า “อีเธอเรียมคือประตูสู่การเข้าสู่ดีไฟน์(DeFi) ของวอลล์สตรีท” และระบุเพิ่มเติมว่า “ขณะนี้สถาบันการเงินจำเป็นต้องเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของอีเธอเรียม เมื่อวิเคราะห์กลยุทธ์ทางการเงินระดับองค์กร”
เมื่อพิจารณาทั้งในแง่ทางเทคนิค, ปัจจัยพื้นฐาน, การสนับสนุนจากสถาบัน และแนวโน้มโครงสร้างการยอมรับจากภาครัฐ ‘แรงขับเคลื่อนของอีเธอเรียม’ ดูจะเข้มแข็งมากขึ้นกว่าที่เคย ความคาดหวังต่อการเกิดโกลเดน ครอสจึงเป็นมากกว่าความหวัง เพราะทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันต่างเทความสนใจไปยัง ETH อย่างไม่ลดละ
ความคิดเห็น 0