จีนเดินหน้าใช้เงินหยวนดิจิทัลระดับโลก ลุยตั้งศูนย์นานาชาติหวังลดพึ่งดอลลาร์

ปั่น กงเซิง(Pan Gongsheng) ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน เผยแผนขยายการใช้งาน ‘เงินหยวนดิจิทัล’ บนเวทีโลกอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายในการเสริมความมั่นคงทางการเงินและลดการพึ่งพาสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐและยูโร

เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ปั่น กงเซิง ได้ประกาศแผนจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการระดับนานาชาติสำหรับ ‘เงินหยวนดิจิทัล’ ในการประชุมการเงิน Lujiazui ที่จัดขึ้นในเซี่ยงไฮ้ โดยชี้ว่า *จีนกำลังผลักดันการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบการเงินพหุค่าสกุล* เพื่อสร้างสมดุลกับระบบการชำระเงินโลกที่ถูกครอบงำโดยเงินดอลลาร์และยูโรมานาน

ผู้ว่าธนาคารกลางจีนยังกล่าวถึงความเปราะบางของระบบชำระเงินข้ามพรมแดนในปัจจุบัน โดยระบุว่า “โครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินมีแนวโน้มที่จะถูกใช้เป็น ‘เครื่องมือทางการเมือง’ สร้างความเสียหายต่อระเบียบเศรษฐกิจโลก” ความคิดเห็นนี้ *สะท้อนความกังวลต่อมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวของสหรัฐในยุคประธานาธิบดีทรัมป์* ซึ่งเคยสร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดการเงินทั่วโลก

ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของหลายประเทศในการพัฒนา *สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC)* ยิ่งทำให้การแข่งขันด้านการเงินดิจิทัลทวีความเข้มข้น สกุลเงินเสถียรหรือ *Stablecoin* ซึ่งผูกกับเงินดอลลาร์สหรัฐ กำลังถูกใช้อย่างแพร่หลายในการชำระเงินระหว่างประเทศ แม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการเท่า CBDC ซึ่งหลายประเทศมองว่าเป็นเครื่องมือที่ปลอดภัยและควบคุมได้มากกว่า

ตัวอย่างล่าสุด เช่น ฮ่องกงเพิ่มความพยายามในการศึกษา Stablecoin ของตนเอง สหภาพยุโรปผลักดัน ‘ยูโรดิจิทัล’ ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์วางแผนเปิดตัว ‘ดีร์แฮมดิจิทัล’ ภายในปี 2025 ส่วนอิสราเอลเร่งพัฒนา ‘เชเกลดิจิทัล’ อย่างเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตาม รายงานจาก ‘เวทีการเงินทางการเงินระหว่างประเทศ (OMFIF)’ ที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ชี้ว่า *31% ของธนาคารกลางทั่วโลกชะลอการเปิดตัว CBDC* จากอุปสรรคทางกฎหมายและโครงสร้างพื้นฐาน

จีนถือเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่เริ่มพัฒนา ‘เงินหยวนดิจิทัล’ มาตั้งแต่ปี 2014 โดยตั้งเป้าให้การใช้ CBDC เป็น ‘โครงสร้างหลัก’ ของทั้งระบบชำระเงินในประเทศและระดับโลก ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐในประเด็น ‘อำนาจการเงิน’ ที่รุนแรงขึ้นนับตั้งแต่ยุคของประธานาธิบดีทรัมป์

*จีนกำลังวางเงินหยวนดิจิทัลเป็นเครื่องมือยุทธศาสตร์ระดับชาติ* เพื่อลดอิทธิพลของเงินดอลลาร์ในเวทีการค้าและการเงินโลก ซึ่งอาจส่งผลให้การแข่งขันด้านสกุลเงินดิจิทัลระหว่างประเทศร้อนแรงยิ่งขึ้นในอนาคต