กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นคำร้องทางแพ่งต่อกรณีการยึดทรัพย์สินจากคดีฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโต มูลค่ารวมกว่า 225.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,130 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 5 (เวลาท้องถิ่น) ทางสำนักงานรักษาความปลอดภัยพิเศษแห่งสหรัฐ (Secret Service) ได้ยืนยันการยึดทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งพบว่าเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากการลงทุนใน *คริปโตเคอร์เรนซี* โดยใช้วิธีหลอกลวง
ตามข้อมูลจากกระทรวงยุติธรรม เงิน *คริปโต* ที่ถูกยึดนั้นเชื่อมโยงกับเงินที่โกงมาจากประชาชนหลายร้อยราย ขณะเดียวกันคำร้องการยึดทรัพย์ครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามกระบวนการทางแพ่ง โดยมุ่งไปที่ ‘ทรัพย์สิน’ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่การดำเนินคดีบุคคลผู้ต้องสงสัยโดยตรง *เจนีน ไพโร(Jeanine Pirro)* รักษาการอัยการเขตของกรุงวอชิงตันดีซี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังวางแผนในการคืนเงินให้แก่ผู้เสียหายจากกรณีนี้
ลักษณะของการหลอกลวงในครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับเทคนิคที่เรียกว่า *‘การเชือดหมู’ (pig butchering)* ซึ่งเป็นวิธีการที่คนร้ายจะตีสนิทกับเหยื่อในระยะเวลาหนึ่งก่อนจะหลอกให้โอนเงินจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยหนึ่งในบริษัทที่มีบทบาทในการช่วยติดตามเงินคริปโตที่ถูกฉ้อโกงไปคือ *เทเธอร์(Tether)* ซึ่งได้รับการขอบคุณอย่างเป็นทางการจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ศูนย์รับแจ้งอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต (IC3) ภายใต้สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ (FBI) ก็เปิดเผยว่า ในปี 2024 เพียงปีเดียว ความเสียหายจากการลงทุนในคริปโตที่ถูกหลอกอยู่ที่ประมาณ 5.8 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 8.06 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเสียหายจากการฉ้อโกงทรัพย์สินดิจิทัลทุกประเภทรวมมูลค่าทะลุ 9.3 พันล้านดอลลาร์ หรือกว่า 1.29 ล้านล้านบาท *ความคิดเห็น*: ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงในตลาดคริปโต และความจำเป็นในการดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น
บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ *ไซเวอร์ส(Cyvers)* ระบุว่า การฉ้อโกงแบบ ‘การเชือดหมู’ เพียงอย่างเดียว ก่อให้เกิดความเสียหายรวมถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7.65 แสนล้านบาทในปี 2024 ซึ่งถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในวิธีการหลอกลวงที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในกลุ่มนักลงทุนทั่วโลก
ในขณะเดียวกันที่รัฐนิวยอร์ก อัยการได้เปิดเผยความคืบหน้าของคดีฉ้อโกงคล้ายกัน ผ่านการใช้โฆษณาปลอมใน *โซเชียลมีเดีย* ล่อเหยื่อเข้าสู่การลงทุน โดยได้มีการยึดเงินกว่า 140,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 19.4 ล้านบาท) จากบัญชีที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งระงับเงินอีกกว่า 300,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 41.7 ล้านบาท) โดยพบว่ากระบวนการนี้มีผู้เสียหายมากกว่า 300 คน และมูลค่าความเสียหายรวมเกิน 1 ล้านดอลลาร์ หรือราว 139 ล้านบาท
การดำเนินการเชิงรุกของรัฐบาลกลางและท้องถิ่นครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญถึง ‘ความเด็ดขาด’ ของหน่วยงานในการสกัดกั้นการฉ้อโกงในตลาด *คริปโตเคอร์เรนซี* ที่ทวีความซับซ้อนขึ้นทุกวัน ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ อุตสาหกรรมคริปโต และผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีจึงกลายเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องนักลงทุนในยุคดิจิทัลนี้
ความคิดเห็น 0