ประธานาธิบดีทรัมป์และครอบครัวตัดขายหุ้นในแพลตฟอร์มคริปโต WLF อย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางการจับตาของทั้งวงการการเมืองและอุตสาหกรรมคริปโต
เมื่อวันที่ 20 สำนักข่าว Forbes รายงานว่า ‘ดีที มาร์กส์ ดีไฟ แอลแอลซี(DT Marks DeFi LLC)’ บริษัทที่ประธานาธิบดีทรัมป์และครอบครัวมีอำนาจควบคุม ได้ลดการถือครองหุ้นในแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล ‘เวิลด์ลิเบอร์ตีไฟแนนเชียล(World Liberty Financial หรือ WLF)’ ลงอย่างมากในช่วง 11 วันที่ผ่านมา โดยในเดือนธันวาคม 2024 บริษัทดังกล่าวถือหุ้นใน WLF สูงถึง 75% แต่เมื่อต้นเดือนมกราคม ปี 2025 สัดส่วนการถือหุ้นที่แสดงในหน้าเว็บไซต์ทางการของ WLF ปรับลดลงเหลือประมาณ 60% และภายหลังวันที่ 8 มิถุนายน ตัวเลขดังกล่าวร่วงลงอีกเหลือเพียง 40%
แม้ยังไม่ชัดเจนว่าครอบครัวทรัมป์ได้รับผลกำไรโดยตรงจากการขายหุ้นครั้งนี้หรือไม่ แต่จากการวิเคราะห์ของ Forbes ระบุว่า การขายหุ้นในระดับดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดกำไรนับ ‘หลายล้านดอลลาร์’ หากมูลค่าของบริษัทคงที่ การขายหุ้นคิดเป็น 35% อาจแปลงเป็นเม็ดเงินมูลค่าหลายสิบล้านบาท
การลดสัดส่วนหุ้นของ DT Marks DeFi เกิดขึ้นในขณะที่สภาคองเกรสสหรัฐฯ เริ่มให้ความสนใจในความเชื่อมโยงของประธานาธิบดีทรัมป์กับธุรกิจคริปโตอย่างจริงจัง โดยเอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกคนสำคัญและนักการเมืองอีกหลายรายได้ร้องขอให้มีการตรวจสอบอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับโครงการคริปโตที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ พร้อมตั้งข้อกังวลด้านจริยธรรม
ขณะเดียวกัน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา WLF ได้ประกาศเปิดตัว ‘USD1’ สเตเบิลคอยน์ของตัวเอง และเตรียมรุกเข้าสู่ตลาดการชำระเงินอย่างเต็มรูปแบบ ท่ามกลางบรรยากาศที่สภาคองเกรสกำลังพิจารณาร่างกฎหมาย ‘GENIUS’ ที่มีเป้าหมายควบคุมการใช้สเตเบิลคอยน์ในการชำระเงิน ซึ่งเป็นประเด็นที่กำลังถูกจับตามองจากทั้งหน่วยงานกำกับดูแลและผู้เล่นในอุตสาหกรรมคริปโต
ยังไม่มีความชัดเจนว่าการลดการถือหุ้นในครั้งนี้มาจากเจตนาของทรัมป์ที่ต้องการเว้นระยะห่างจากธุรกิจคริปโต เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบทางกฎหมาย หรือเป็นเพียงแค่กลยุทธ์ในการทำกำไรเท่านั้น ‘ความคิดเห็น’ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมโยงระหว่างโลกของการเมืองและคริปโตนั้นเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้น และอาจส่งผลต่อทิศทางของการอภิปรายเกี่ยวกับกฎระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้นในอนาคต
ความคิดเห็น 0