บิตคอยน์(BTC) ยังคงซื้อขายอยู่ที่ระดับประมาณ 14.5 ล้านบาท (104,500 ดอลลาร์) ต่อ 1 BTC ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยความตึงเครียด ล่าสุดบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนชื่อดังอย่าง *คริปโตควอนต์(CryptoQuant)* ได้ส่งสัญญาณเตือนว่า ความต้องการบิตคอยน์กำลังลดลงอย่างมาก โดยระบุว่า หากแนวโน้มปัจจุบันยังดำเนินต่อไป ราคาอาจร่วงลงมาถึงระดับ 12.7 ล้านบาท (92,000 ดอลลาร์) หรือแม้แต่ 11.2 ล้านบาท (81,000 ดอลลาร์)
จากรายงานของคริปโตควอนต์ จุดที่น่าจับตาคือการลดลงของเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ *กองทุน ETF* ที่เน้นลงทุนโดยนักลงทุนสถาบัน ซึ่งลดลงมากกว่า 60% ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ปริมาณการสะสมเหรียญของบรรดานักลงทุนรายใหญ่ระดับ *วาฬ* ก็ลดลงไปกว่าครึ่ง ขณะที่ตัวชี้วัดโมเมนตัมฝั่งดีมานด์ของแพลตฟอร์มได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ ซึ่งแปลว่า ‘ฐานความต้องการ’ ของตลาดกำลังอ่อนแอลงอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม *Glassnode* บริษัทผู้วิเคราะห์ข้อมูลออนเชนอีกแห่งหนึ่ง มองสถานการณ์นี้ในเชิงสร้างสรรค์ โดยระบุว่านี่อาจเป็นเพียง ‘ช่วงเปลี่ยนผ่าน’ ไปสู่ภาวะตลาดที่นักลงทุนสถาบันเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น พร้อมชี้ว่าปริมาณการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ยังคงแข็งแกร่ง อยู่ที่ระดับสูงกว่าตลาดสปอตถึง 16 เท่า และกระเป๋าเงินที่ถือบิตคอยน์จำนวนมากก็ยังคงมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
ด้านบริษัทเทรดคริปโต *Flowdesk* แสดงความเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่ใช่ ‘ภาวะราคาพังทลาย’ แต่เป็น ‘ช่วงสะสมพลัง’ โดยระบุว่าการเติบโตของโทเคนที่อิงกับราคาทองคำอย่าง XAUT รวมถึงโทเคนที่มีสินทรัพย์จริงหนุนหลัง (RWA) เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นสัญญาณการเริ่มต้นขาขึ้นรอบใหม่
ข้อมูลจาก *Santiment* ยังเผยให้เห็นภาพการเคลื่อนไหวของนักลงทุนรายย่อยที่น่าสนใจ โดยจำนวนกระเป๋าเงินที่ถือบิตคอยน์ตั้งแต่ 0.001 ถึง 10 BTC ได้หายไปกว่า 37,465 กระเป๋าในช่วงเวลา 10 วันที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนกระเป๋าของ *วาฬ* หรือผู้ถือมากกว่า 10 BTC เพิ่มขึ้น 231 กระเป๋าในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นรูปแบบที่เคยปรากฏก่อนการฟื้นตัวของราคาครั้งใหญ่ในอดีต นำมาสู่มุมมองจากบางนักวิเคราะห์ที่เชื่อว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงสะสมของ ‘สมาร์ตมันนี่’
ขณะเดียวกัน บริษัทจดทะเบียนใน *แนสแด็ก* อย่าง *เซ็มเลอร์ ไซแอนทิฟิก(Semler Scientific)* ได้ตั้งเป้าเก็บสะสมบิตคอยน์ให้ได้ถึง 10,000 BTC ภายในสิ้นปีนี้ และมีแผนขยายการถือครองถึง 105,000 BTC ภายในปี 2027 โดยขณะนี้ถืออยู่ที่ 4,449 BTC ทั้งนี้บริษัทวางแผนระดมทุนผ่านการออกหุ้นและการปรับโครงสร้างหนี้ แม้ว่าราคาหุ้นจะลดลงถึง 40% จากต้นปี ซึ่งอาจกดดันต่อความสามารถในการระดมทุนในอนาคต
ณ ปัจจุบัน บิตคอยน์กำลังเผชิญแรงต้านอยู่ที่ระดับ 14.4 ล้านบาท (105,150 ดอลลาร์) ขณะที่อีเธอเรียม(ETH) ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 3.49 ล้านบาท (2,510 ดอลลาร์) ราคาทองคำยังเป็นที่ต้องการในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยอยู่ที่ 4.67 ล้านบาท (3,366 ดอลลาร์) ต่อออนซ์ ด้านตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ท่ามกลางความกังวลต่อนโยบายดอกเบี้ยของจีน
ในภาวะที่เศรษฐกิจมหภาคยังเปราะบางและความต้องการในตลาดคริปโตยังไม่แน่นอน บิตคอยน์กำลังอยู่ในช่วงดิ้นรนเพื่อหาทิศทางใหม่ บรรดานักลงทุนรายใหญ่จึงอาจเป็นผู้กำหนดก้าวต่อไปของตลาดในระยะนี้ ขณะที่ตรรกะของข้อมูลออนเชนและจิตวิทยาตลาดเริ่มแตกต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ความคิดเห็น 0