คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC)ได้เลื่อนการตัดสินใจเกี่ยวกับการอนุมัติ ETF อิงตามราคาแบบเรียลไทม์ของริปเปิล(XRP)ออกไป ท่ามกลางความคาดหวังที่พุ่งสูงขึ้นว่า XRP อาจจะเป็นคริปโตเคอร์เรนซีรายต่อไปที่มี ETF เหมือนกับบิตคอยน์(BTC)และอีเธอเรียม(ETH) โดยข้อมูลจาก Polymarket แพลตฟอร์มสำหรับคาดการณ์ของนักลงทุน ระบุว่าโอกาสที่ XRP ETF จะได้รับการอนุมัติเพิ่มขึ้นแตะ *90%* แล้วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
จากข้อมูลของ Polymarket ความน่าจะเป็นของการอนุมัติ XRP ETF ได้ทะยานจาก 70% เป็น 90% ในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ โดยมีมูลค่าการซื้อขายในตลาดคาดการณ์สูงถึงประมาณ 95,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.32 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุน หาก ETF ได้รับการอนุมัติจริง XRP จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แบบดั้งเดิม ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องใช้กระเป๋าเงินดิจิทัล และเป็นการเปิดประตูต้อนรับนักลงทุนสถาบันได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม SEC ยังคงไม่ให้คำตอบที่ชัดเจน โดยล่าสุดได้ตัดสินใจขยายระยะเวลาการพิจารณา ETF ของบริษัทแฟรงคลิน เทมเพิลตันออกไปอีก 35 วัน พร้อมเปิดให้สาธารณชนแสดงความเห็นต่อข้อเสนอ ส่งผลให้การตัดสินใจอาจเลื่อนไปถึงช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าแนวทางที่ใช้กับ ETF ของอีเธอเรียม อาจถูกนำมาใช้ในกรณีนี้อีกครั้ง และอาจรวมถึงกรณีของ ETF ของโซลานา(SOL) ซึ่งเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาด
ในขณะเดียวกัน ประเทศแคนาดากำลังสร้างความได้เปรียบในด้านความชัดเจนของกฎเกณฑ์ โดยบริษัทอย่าง Purpose Investments, 3iQ และ Evolve ต่างได้รับอนุมัติให้เปิดตัว XRP ETF จากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ออนทาริโอ(OSC) แล้ว ซึ่งทาง Purpose ยังได้จัดแคมเปญ 'Zero-Fee' ยกเว้นค่าธรรมเนียมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2026 อีกด้วย โดย ETF ดังกล่าวมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารราว 8.3 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 115 ล้านบาท
แม้จะมีความเคลื่อนไหวของตลาดที่รุนแรง โดยเฉพาะการชอร์ต XRP ที่พุ่งสูงในระยะเวลา 12 ชั่วโมงถึง 8,466% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 508,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 7 ล้านบาท) แต่ราคาของ XRP ยังคงรักษาระดับไว้ได้ โดยเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ไปอยู่ที่ 2.15 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2,989 บาท แสดงให้เห็นว่าตลาดไม่หลงใหลไปกับกระแส ETF จนเกินจริงและยังคงประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบ
ด้านการเมือง ‘ทรัมป์’ ยังคงแสดงจุดยืนสนับสนุนคริปโต โดยในการปราศรัยล่าสุด เขาให้ความเห็นว่าสหรัฐควรเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมคริปโต พร้อมส่งสัญญาณเปิดรับนโยบายที่เป็นมิตรต่ออุตสาหกรรมและลดการควบคุมมากเกินไป ซึ่ง *ความคิดเห็น* เหล่านี้อาจมีอิทธิพลต่อแนวทางของ SEC ในอนาคต
หาก XRP ได้รับการอนุมัติ ETF จริง นี่จะไม่ใช่แค่การเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงิน แต่คือก้าวสำคัญในการนำคริปโตเข้าสู่ระบบการเงินแบบดั้งเดิม นักลงทุนกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของ SEC อย่างใกล้ชิด ว่าการตกลงครั้งนี้จะส่งผลต่อการจัดสรรเงินทุนทั่วโลกอย่างไรในระยะยาว
ความคิดเห็น 0